xs
xsm
sm
md
lg

ชีวิตคู่พังหลังแพ้เลือกตั้ง! ลือสะพัด “เมลาเนีย” นับวันเวลาหย่าขาด “ทรัมป์”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เมลาเนีย ทรัมป์ กำลังนับถอยหลังเป็นวินาทีจนถึงเวลาที่เธอสามารถหย่าขาดกับประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ สื่อมวลชนหลายสำนักรายงาน โดยอ้างคำบอกเล่าจากผู้ช่วยเก่าของสุภาพสตรีหมายเลข 1 และของว่าที่อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ

ประธานาธิบดี ทรัมป์ ยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2020 แม้ โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรครีพับลิกัน กวาดคะแนนเสียงคณะผู้เลือกตั้งได้เกินกว่า 270 คน ที่จำเป็นสำหรับการความชัยในศึกชิงเก้าอี้ทำเนียบขาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตามรายงานของสื่อมวลชนหลักหลายสำนัก

ล่าสุด มีรายงานว่า ทรัมป์ กำลังพ่ายแพ้ศึกอีกด้าน โดยสแตนดาร์ด สื่อมวลชนของอังกฤษ รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของ สเตฟานี วอลคอฟฟ์ อดีตผู้ช่วยสาวของ เมลาเนีย ทรัมป์ อ้างว่า สุภาพสตรีหมายเลข 1 กำลังเจรจา postnuptial agreement (ข้อตกลงหลังแต่งงาน) ซึ่งจะมอบส่วนแบ่งทรัพย์สินของทรัมป์อย่างเท่าเทียมแก่ บาร์รอน ลูกชายของเธอ

ส่วนเดลิเมล์ รายงานโดยอ้างคำบอกเล่าของ โอมาโรซา แมนิโกลต์ นิวแมน อดีตผู้ช่วยทำเนียบขาว อ้างว่า ชีวิตสมรส 15 ปีของเมลาเนีย กับ โดนัลด์ ทรัมป์ สิ้นสุดลงแล้ว “ถ้าเมเลาเนีย พยายามสร้างความอับอายอย่างที่สุด ขอหย่าขาดจากเขาตอนที่ดำรงตำแหน่ง เขาจะหาทางหนึ่งทางใดลงโทษเธอ”

ก่อนหน้านี้ เมื่อราวๆ 2 ปีที่แล้ว มีข่าวลือหนาหูว่าชีวิตคู่ และความรักระหว่างเมลาเนียกับทรัมป์ ไม่ราบรื่นและขาเตียงเริ่มสั่นคลอน

อย่างไรก็ตาม เมลาเนีย ให้สัมภาษณ์กับเอบีซีนิวส์ ในตอนนั้น เมื่อครั้งเดินทางเยือน 4 ชาติแอฟริกาเพียงลำพัง โดยไม่มีสามีเดินทางไปด้วย ปฏิเสธกระแสข่าวลือทั้งหลายทั้งปวงเกี่ยวกับชีวิตคู่ของเธอ ยืนยันขาเตียงยังแข็งแรงดี

ในตอนนั้น นักข่าวถามว่า เธอกับทรัมป์ยังดีอยู่ใช่หรือไม่ เธอตอบว่า “ใช่ พวกเรายังรักกันดี”

เคยมีข่าวว่า เมลาเนีย ไม่คาดหมายว่า สามีของเธอจะคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งปี 2016 และตอนที่ได้ยินข่าวว่าเธอและสามีต้องย้ายเข้าไปอยู่ในทำเนียบขาว เธอกลับร่ำไห้ออกมา และมันไม่ใช่น้ำตาแห่งความยินดี

ไมเคิล โวล์ฟฟ์ เจ้าของหนังสือ ‘Fire and Fury: Inside the Trump White House’ อ้างว่า คณะทำงานของทรัมป์ เชื่อว่าเขาจะพ่ายแพ้แก่ ฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตในตอนนั้น “มาลาเนียถึงกับร้องไห้ และมันไม่ใช่เพราะว่าเธอมีความสุข”

เวลานั้นเลขานุการฝ่ายสื่อสารมวลชนของสุภาพสตรีหมายเลข 1 ปฏิเสธคำกล่าวอ้างในหนังสือ โดยบอกว่ามันเป็นนิยายที่แต่งขึ้นมาเพื่อเรียกยอดขาย “นางทรัมป์สนับสนุนการตัดสินใจของสามีของเธอ ในการลงชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี และในข้อเท็จจริงคือ เธอยังยุให้เขาตัดสินใจเช่นนั้นด้วย เธอมั่นใจว่าเขาจะชนะ และมีความสุขมากตอนที่เขาตัดสินใจ” สเตฟานี กริสแฮมกล่าว

สื่อมวลชนระบุว่า แม้เมลาเนียกล่าวว่าความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับสามีนั้นดีมาก อย่างไรก็ตาม มีหลายครั้งระหว่างอยู่ต่อหน้าสาธารณะ พบเห็นความเย็นชาในความสัมพันธ์ของทั้งคู่อย่างชัดเจน

อนึ่ง เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ยื่นฟ้องดำเนินคดีกับ วอลคอฟฟ์ หลังจากที่เธอออกหนังสือพ็อกเกตบุ๊กแฉเรื่องราวส่วนตัวของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงห้ามเปิดเผยความลับ

เอกสารคำฟ้องของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ระบุว่า วอลคอฟฟ์ ซึ่งเป็นผู้แต่งหนังสือ “Melania and Me” ที่เริ่มวางแผงเมื่อเดือนกันยายน ได้ทำสัญญาว่าจะไม่เปิดเผยข้อมูลใดๆ เกี่ยวกับภริยาของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเธอได้รับรู้มาระหว่างทำงานเป็นอาสาสมัครภายในทำเนียบขาว

วอลคอฟฟ์ เคยทำงานให้กับ เมลาเนีย ระหว่างปี 2017-2018 และแม้เธอจะไม่ใช่ลูกจ้างของรัฐ แต่ก็ได้ลงนามในหนังสือสัญญาที่มีผลบังคับตามกฎหมายซึ่งเรียกกันว่า gratuitous services agreement โดยสัญญาดังกล่าวระบุเอาไว้ชัดเจนว่า เธอไม่สามารถ “ตีพิมพ์, ทำซ้ำ หรือกระทำการอย่างอื่นใดที่เป็นการเปิดเผยข้อมูลแก่บุคคล หรือองค์กรที่ไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน”

หนังสือพ็อกเกตบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “Melania and Me: The Rise and Fall of My Friendship With the First Lady” มีการให้ข้อมูลลับเฉพาะต่างๆ นานาเกี่ยวกับอดีตนางแบบเชื้อสายสโลวีเนีย วัย 50 ปี ซึ่งโชคชะตานำพาให้มาเป็นภรรยาของมหาเศรษฐีอสังหาริมทรัพย์ชาวอเมริกัน ก่อนจะก้าวสู่ตำแหน่งสุภาพสตรีเบอร์หนึ่งของสหรัฐฯ อย่างไม่คาดฝัน

หนังสือเล่มนี้บรรยายบุคลิกของ เมลาเนีย ว่า เป็นคนกระตือรือร้นและกล้าตัดสินใจมากกว่าที่หลายคนคิด ทั้งยังเล่าถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่นระหว่างเธอกับ “อิวองกา ทรัมป์” ถึงขนาดที่ เมลาเนีย เคยเรียกลูกเลี้ยงสาวคนนี้ว่า “นังงูพิษ”

ทั้งนี้ วอลคอฟฟ์ ถูกไล่ออกหลังเกิดกรณีอื้อฉาวเกี่ยวกับเงินทุนหลายล้านดอลลาร์ที่ใช้สำหรับจัดพิธีสาบานตนของ ทรัมป์ เมื่อเดือนมกราคม ปี 2017 ซึ่งเธอมีส่วนรับผิดชอบด้วย

(ที่มา: เดลิเมล์/สแตนดาร์ด/mgronline)


กำลังโหลดความคิดเห็น