ตำรวจในประเทศจอร์เจีย อดีตสหภาพโซเวียต เมื่อวันอาทิตย์ (8 พ.ย.) ฉีดน้ำและยิงแก๊สน้ำตาเข้าใส่ผู้ชุมนุมหลายพันคน ที่รวมตัวเรียกร้องจัดการเลือกตั้งใหม่ หลังฝ่ายค้านกล่าวหาพรรครัฐบาลโกงการเลือกตั้งสมาชิกรัฐสภาเมื่อช่วงปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
รายงานสดทางสถานีโทรทัศน์พบเห็นตำรวจปราบจลาจลเข้าแทรกแซงการประท้วง ยิงแก๊สน้ำตาและฉีดน้ำเข้าใส่ โดยไม่มีคำเตือนใดๆ หลังจากบรรดาผู้ประท้วงขู่ปิดกั้นอาคารที่ทำการของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลางของจอร์เจีย
ในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ (8 พ.ย.) ถนนสายหลักของกรุงทบิลิซี แปรเปลี่ยนเป็นทะเลแห่งธงชาติ ซึ่งพื้นผิวเป็นธงสีขาว มีกากบาทสีแดงขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางแบ่งธงเป็น 4 ส่วน ซึ่งแต่ละส่วนจะมีกากบาทสีแดงขนาดเล็กอยู่ตรงกลางอีกที ในขณะที่ผู้ประท้วงราว 45,000 คน ไหลบ่ามารวมกันบริเวณด้านนอกรัฐสภา และจำนวนมากสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
จากนั้นในช่วงเย็น พวกผู้ประท้วงพากันเดินขบวนหลายกิโลเมตร ข้ามเมืองไปยังที่ทำการของคณะกรรมการการเลือกตั้งกลาง
จอร์เจีย ดรีม ปาร์ตี พรรครัฐบาลที่นำโดยอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเศรษฐี บิดซินา อิวานิชวิลี ซึ่งเฉือนคว้าชัยในศึกเลือกตั้งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม ด้วยระยะห่างเพียงแค่ 2% ปฏิเสธโดยสิ้นเชิงต่อข้อกล่าวหาโกงเลือกตั้ง
อย่างไรก็ตาม บรรดาพรรคฝ่ายค้านของจอร์เจีย ปฏิเสธเข้าร่วมรัฐสภาชุดใหม่ โหมกระพือวิกฤตทางการเมืองอีกครั้งในประเทศแห่งนี้ ที่บ่อยครั้งการเลือกตั้งมักตามมาด้วยคำกล่าวหาโกงคะแนนและการชุมนุมใหญ่
ก่อนหน้าการเลือกตั้ง บรรดาฝ่ายค้านได้แสดงความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมากก่อน หลังพรรคยูไนเต็ด เนชันแนล มูฟเมนต์ (UNM) พรรคการเมืองของมิคเฮอิล ซาคัชวิลี อดีตประธานาธิบดีผู้ลี้ภัยอยู่ในต่างประเทศ ตกลงจับมือกับพรรคฝ่านค้านขนาดเล็กอื่นๆ ในการจัดตั้งรัฐบาลผสม หากได้รับการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายกลับเป็นฝ่ายรัฐบาลที่เป็นฝ่ายเอาชนะไปฉิวเฉียด
“เราต้องการเปลี่ยนคณะกรรมการการเลือกตั้งที่ไม่มีความน่าเชื่อถือโดยสิ้นเชิง และจัดการเลือกตั้งใหม่” หนึ่งในแกนนำพรรค UNM บอกกับเอเอฟพีในวันอาทิตย์ (8 พ.ย.) “การประท้วงของเราจะยืดเยื้อและจะร่วมด้วยชาวจอร์เจียทุกคน”
นายกรัฐมนตรี จอร์จี กาคาเรีย บอกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ คือ หลักชัยที่สำคัญในการพัฒนาประชาธิปไตยของจอร์เจีย และวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายค้าน ต่อกรณีจัดการชุมนุมใหญ่ระหว่างการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
(ที่มา: เอเอฟพี)
