ตำรวจอิตาลียิงแก๊สน้ำตาใส่กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านมาตรการสกัดโควิด เป็นคืนที่ 2 เมื่อวันอังคาร (27 ต.ค.) ขณะที่ข้อมูลการค้าและการลงทุนทั่วโลกตอกย้ำผลกระทบรุนแรงต่อภาวะเศรษฐกิจจากวิกฤตโรคระบาดที่กลับมาเล่นงานยุโรปงอมพระรามรอบสอง ส่วนที่อินเดีย ยอดผู้ติดเชื้อสะสมจ่อหลัก 8 ล้านคน และจีนพบเคสใหม่รายวันมากที่สุดในรอบกว่า 2 เดือน
ชาวอิตาลีนับพันคนชุมนุมประท้วงเป็นวันที่ 2 ในหลายเมืองและปะทะกับตำรวจ ขณะที่ผู้ค้าขายและพนักงานจำนวนมากกลัวว่า การระบาดระลอกสองกำลังจะทำให้เศรษฐกิจสะบักสะบอมพอๆ กับยอดผู้ติดเชื้อที่พุ่งทะยาน
ผู้ประท้วงเหล่านี้ต่างไม่พอใจคำสั่งให้ลดเวลาทำการของร้านอาหารและธุรกิจอื่นๆ การชุมนุมบางแห่งกลายเป็นความรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิลานและตูรินเมื่อคืนวันจันทร์ (26) ที่หนุ่มสาวขว้างระเบิดขวดน้ำมันและก้อนหินใส่รถตำรวจ และทุบทำลายกระจกหน้าร้านค้า
ต่อมาในวันอังคาร รัฐบาลอิตาลีประกาศมาตรการเยียวยามูลค่า 5,900 ล้านดอลลาร์แก่ผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบรุนแรง ซึ่งรวมถึงร้านอาหาร คนขับแท็กซี่ และสถานที่จัดแสดงความบันเทิงสด
กระนั้น กระแสความไม่พอใจในอิตาลีและประเทศอื่นๆ ในยุโรปที่กำลังกลายมาเป็นศูนย์กลางโรคระบาดโควิด-19 ของโลกอีกครั้ง ชัดเจนมากในหมู่เจ้าของธุรกิจและประชาชนที่ต้องถูกบังคับภายใต้มาตรการสกัดไวรัสอีกหนขณะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น
วันเดียวกันนั้น องค์การการท่องเที่ยวโลกในสังกัดสหประชาชาติ (ยูเอ็น) รายงานว่า การท่องเที่ยวปีนี้ดิ่งลง 70% หรือเท่ากับรายได้หายไป 730,000 ล้านดอลลาร์ และอังก์ถัด หน่วยงานด้านการค้าและการพัฒนาของยูเอ็น ระบุว่า ยอดการลงทุนโดยตรงของต่างชาติในทั่วโลกมีแนวโน้มตกลง 40% ในปีนี้
นอกจากนั้นสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาตา) ยังคาดว่า อุตสาหกรรมสายการบินทั่วโลกจะมีรายได้ลดลง 46% ในปีหน้า
ต้นเหตุสำคัญของแนวโน้มเศรษฐกิจที่น่าหดหู่นี้คือการระบาดของไวรัสโคโรนาที่ขณะนี้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 1.1 ล้านคนทั่วโลก
ที่ฝรั่งเศส หนึ่งในประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด โรงพยาบาลหลายแห่งเตือนว่า ผู้ป่วยกำลังจะล้นเกินกว่าจะรับไหวในไม่กี่วันข้างหน้า
กิลส์ เปียลูซ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อเมืองน้ำหอม ระบุว่า สถานการณ์การระบาดอยู่นอกเหนือการควบคุมแล้วและเร่งให้รัฐบาลประกาศมาตรการล็อกดาวน์
วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25) ฝรั่งเศสพบเคสใหม่รายวันทำสถิติสูงสุดใหม่ นั่นคือ 52,010 คนในรอบ 24 ชั่วโมง
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ที่มีกำหนดปราศรัยช่วงค่ำวันพุธ (28) อาจขยายเวลาคำสั่งเคอร์ฟิวที่ใช้อยู่ และอาจล็อกดาวน์ทั่วประเทศในช่วงสุดสัปดาห์หรือล็อกดาวน์เฉพาะพื้นที่ที่มีการระบาดรุนแรงที่สุด
ข้ามมาทางฟากเอเชียเมื่อวันพุธ อินเดีย ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดอันดับ 2 ของโลก รองจากอเมริกา รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในรอบ 24 ชั่วโมง 43,893 คน รวมจำนวนผู้ติดเชื้อสะสม 7.99 ล้านคน
แม้จำนวนผู้ติดเชื้อรายวันลดลงอย่างมากนับจากพุ่งทำสถิติสูงสุดในเดือนกันยายน แต่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ตัวเลขอาจดีดกลับอีกครั้งระหว่างเทศกาลทางศาสนาที่กำลังจะมีขึ้น
ด้านจีน พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 42 คน ซึ่งถือเป็นสถิติรายวันสูงสุดในรอบกว่า 2 เดือน ในจำนวนนี้ 22 คนอยู่ในเมืองคัชการ์ของเขตปกครองซินเจียง และเป็นกลุ่มที่ก่อนหน้านี้ตรวจพบติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังพบผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการอีก 19 คน
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขเมืองคัชการ์เผยว่า ได้ตรวจประชาชน 4.75 ล้านคนครบแล้วเมื่อบ่ายวันอังคาร และพบผู้ติดเชื้อ 183 คน ซึ่งเชื่อมโยงกับโรงงานสิ่งทอแห่งหนึ่งในเมืองนี้
(ที่มา : เอเอฟพี/รอยเตอร์/เอพี)