“กมาลา แฮร์ริส” สร้างประวัติศาสตร์เป็นรอง ปธน.หญิงจากเอเชียใต้, ผิวสีคนแรกของสหรัฐฯ

กมลา แฮร์ริส ในวันเสาร์ (7 พ.ย.) สร้างประวัติศาสตร์กลายเป็นว่าที่รองประธานาธิบดีหญิงผิวสีและเอเชียใต้คนแรกของสหรัฐฯ หลังสื่อมวลชนฟันธงว่า โจ ไบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต คู่ชิงประธานาธิบดีของเธอ จะคว้าชัยในศึกเลือกตั้งเหนือ โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากรีพับลิกัน


นอกจากเป็นตัวแทนคนหน้าใหม่แห่งอำนาจทางการเมืองแล้ว ชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ของวุฒิสมาชิกแคลิฟอร์เนียรายนี้ยังเป็นตัวแทนของผู้หญิงหลายล้านคนในหมู่ประชากร ซึ่งบ่อยครั้งถูกมองข้ามและเพิกเฉยอย่างเป็นระบบมาตั้งแต่อดีตกาล แต่เวลานี้ได้รับการต้อนรับเข้าสู่อำนาจใหม่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์กว่า 200 ปีของประเทศ

แฮร์ริส ได้ทวีตวิดีโอภาพที่เธอกำลังพูดคุยโทรศัพท์กับว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน หลังจากซีเอ็นเอ็นคาดการณ์ว่าทั้งคู่จะได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้ง

ชัยชนะของแฮร์ริส และไบเดน ตามการคาดการณ์ของซีเอ็นเอ็น มีขึ้นหลายวันหลังการรับคะแนนเสียงอันยืดเยื้อ ซึ่งสะท้อนว่าพวกผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งนั้นมีความแตกแยกอย่างรุนแรง

ทั้งนี้ ชัยชนะของ แฮร์ริส กลายเป็นจุดสูงสุดใหม่ในอาชีพการงานของเธอ ในความสำเร็จที่ต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมาย ไล่ตั้งแต่เป็นอัยการเขตซานฟรานซิสโก, อัยการสูงสุดแคลิฟอร์เนีย ไปจนถึงสมาชิกวุฒิสภาผิวดำคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ

“สิ่งที่ทำให้ฉันได้มายืนอยู่ตรงนี้ในคืนนี้ก็คือข้อพิสูจน์การอุทิศตนของคนรุ่นก่อนๆ ก่อนหน้าดิฉัน” แฮร์ริส กล่าวเมื่อครั้งตอบรับการถูกเสนอชื่อให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตลงชิงเก้าอี้รองประธานาธิบดี ณ ที่ประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตเมื่อเดือนสิงหาคม พาดพิงถึงบรรดาสตรีคนดังทั้งหลาย เช่น คอนสแตน เบเคอร์ ม็อตลีย์, แฟนนี ลู ฮาเมอร์ และ เชอร์ลีย์ คิสโฮล์ม

แฮร์ริสเกิดที่เมืองโอ๊กแลนด์ ทางตอนกลางของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย แม่ของเธอเป็นนักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดียที่อพยพมาตั้งรกรากที่สหรัฐฯ ตั้งแต่เรียนปริญญาเอก ส่วนพ่อเป็นนักเศรษฐศาสตร์ผิวดำจากจาเมกาที่อพยพมาใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐฯ ตั้งแต่เรียนปริญญาโท เธอสำเร็จการศึกษานิติศาสตร์บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 1989

หลังจากสำเร็จการศึกษา เธอก็ได้มาทำงานเป็นผู้ช่วยอัยการเขตของเขตอะลาเมดา และซานฟรานซิสโกตามลำดับ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจลงเล่นการเมืองเอง และชนะเลือกตั้งจนได้เป็นอัยการประจำเขตซานฟรานซิสโกในปี 2003 ก่อนที่เธอจะขยับไปเล่นการเมืองในระดับมลรัฐ และได้รับเลือกเป็นอัยการสูงสุดของมลรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2010 และสมาชิกวุฒิสภาจากมลรัฐแคลิฟอร์เนียในปี 2016

(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)