ราคาน้ำมันปรับลงหนัก 2 วันติด ดิ่งอีกกว่า 4% ในวันพฤหัสบดี (29 ต.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน กังวลมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่สกัดโควิด-19 อาจกระทบอุปสงค์พลังงาน ส่วนวอลล์สตรีทปิดบวกและทองคำขยับลง หลังสหรัฐฯเปิดเผยว่าเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวแข็งแกร่งเกินคาดหมาย
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 36.17 ดอลลาร์ ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 1.47 ดอลลาร์ ปิดที่ 37.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ในขณะที่เคสผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ กำลังเพิ่มขึ้นทั่วยุโรป ฝรั่งเศสจะบังคับประชาชนอยู่แต่ในที่พักอาศัย ยกเว้นแต่กิจกรรมที่มีความจำเป็น เริ่มตั้งแต่วันศุกร์ (30 ต.ค.) เป็นต้นไป ส่วนเยอรมนีจะปิดบาร์, ร้านอาหาร และโรงภาพยนตร์ ตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน ไปจนถึงสิ้นเดือน
“ด้วยมาตรการล็อกดาวน์เริ่มก่อความกังวลทางอุปทานเล็กน้อยทั่วยุโรป แนวโน้มระยะสั้นสำหรับน้ำมันดิบก็เริ่มทรุดตัวลงเช่นกัน” สตีเฟน อินน์ส หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์การตลาดของ Axi กล่าว
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี (29 ต.ค.) ปิดบวกพอสมควร ได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจอเมริกาที่แข็งแกร่งเกินคาดหมาย ก่อนการเปิดเผยรายงานผลประกอบการของบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่ง
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 139.16 จุด (0.52 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 26,659.11 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 39.08 จุด (1.19 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,310.11 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 180.73 จุด (1.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,185.59 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ประจำไตรมาส 3 โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯขยายตัว 33.1% ซึ่งเป็นการขยายตัวสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ประเทศแห่งนี้เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลเมื่อกว่า 70 ปีก่อน
ตัวเลขดังกล่าวถือเป็นการฟื้นตัวอย่างน่าตกตะลึง หลังจากเศรษฐกิจของสหรัฐฯหดตัวอย่างหนักพอๆ กัน ในไตรมาสก่อนหน้านี้ และดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 32%
การขยายตัวเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐฯในไตรมาส 3 ได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเริ่มมีการจ้างงาน หลังจากที่ได้ปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
เศรษฐกิจสหรัฐฯหดตัวถึง 31.4% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงเป็นประวัติการณ์ หลังจากหดตัว 5% ในไตรมาสแรก ส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย เนื่องจากมีการหดตัว 2 ไตรมาสติดต่อกัน
การเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งในวันพฤหัสบดี (29 ต.ค.) ซึ่งมีขึ้นก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพียง 5 วัน อาจเป็นปัจจัยที่เอื้อประโยชน์ต่อประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในการครองทำเนียบขาวอีกสมัยหนึ่ง
ในส่วนของข้อมูลอื่นๆ ที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (29 ต.ค.) ก็ออกมาในแง่ดีเช่นกัน โดยจำนวนผู้ยื่นข้อสวัสดิการคนว่างงานรายใหม่รายสัปดาห์ในสหรัฐฯ ลดลงเหลือ 751,000 ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 24 ตุลาคม ดีกว่าที่พวกนักวิเคราะห์คาดหมายไว้
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ผลักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและฉุดราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (29 ต.ค.) ปิดลบพอสมควร โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 11.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,868.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา: รอยเตอร์/เอเอฟพี)