เคสผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอังกฤษ เวลานี้เพิ่มขึ้นเท่าตัวในทุก 9 วัน จากข้อมูลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 28 ต.ค. ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างมากกำลังถาโถมแรงกดดันให้รัฐบาลอาจต้องสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกรอบ
อังกฤษรายงานในวันพุธ (28 ต.ค.) ว่าพบผู้มีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก เสียชีวิตเพิ่มอีก 310 คนถือเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันที่มีผู้เสียชีวิตเกินกว่า 300 คน
ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน และสถาบันอิปซอส โมริ (Ipsos MORI) พบว่าในวันที่ 25 ตุลาคม อัตราการติดเชื้อในอังกฤษ อยู่ที่ 128 คนต่อประชากร 10,000 คน เพิ่มขึ้นจากระดับ 60 คนต่อประชากร 10,000 คน ของวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้แล้วยังพบว่าตัวเลข R rate ของอังกฤษ ซึ่งหมายถึงค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อไวรัส 1 คน ที่สามารถแพร่เชื้อต่อไปยังคนอื่นๆ เพิ่มขึ้นเป็น 1.6 คน
ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน และสถาบันอิปซอส โมริ พบว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดหนักหน่วงที่สุด อยู่ในทางภาคเหนือของอังกฤษ แม้อัตราการติดเชื้อกำลังเพิ่มขึ้นในทั่วทุกภูมิภาค และครอบคลุมประชากรทุกวัย
วงโคจรขาขึ้นของผู้ติดเชื้อในอังกฤษ เวลานี้กลายเป็นความท้าทายใหญ่หลวงต่อยุทธศาสตร์ของนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ซึ่งบังคับใช้ข้อจำกัดระดับท้องถิ่น เฉพาะกับพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงเท่านั้น
ก่อนหน้านี้เมื่อช่วงต้นปี จอห์นสันถูกวิพากษ์วิจารณ์กรณีที่เขาเริ่มผ่อนคลายแนวทางรับมือกับโรคระบาดใหญ่ แม้จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตลุกลามทั่วยุโรป ซึ่งท้ายที่สุดแล้วเขาก็ยอมกำหนดมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในช่วงปลายเดือนมีนาคม สั่งปิดร้านค้าที่ไม่มีความจำเป็นทั้งหมด เช่นเดียวกับโรงเรียน และบังคับให้ประชาชนหลายล้านคนทำงานจากที่บ้าน เพื่อลดอัตราการแพร่เชื้อ
มาตรการหยุดอยู่บ้านถูกยกเลิกในเดือนมิถุนายน หลังเคสผู้ติดเชื้อเบาบางลง อย่างไรก็ตามจำวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอีกครั้งนับตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นมา และจนถึงตอนนี้ จอห์นสัน ยังคงขัดขืนเสียงเรียกร้องให้สั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบที่ 2
รัฐบาลลังเลที่ล็อกดาวน์ประเทศรอบใหม่ เนื่องจากหวั่นกลัวว่า มันอาจก่อความเสียหายเศรษฐกิจเหมือนเช่นครั้งแรก ที่ทำให้ผู้คนจำนวนมากต้องตกงานและส่งผลกระทบต่อผลผลิตอย่างรุนแรง โดยเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจเลือกใช้การเตือนภัยโควิด-19 แบบใหม่ 3 ระดับ เพื่อใช้เป็นมาตรฐานเดียวกันในการควบคุมการแพร่ระบาดภายในประเทศแทน
อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เดอะซันรายงานว่า บรรดานักวิทยาศาสต์ของทางรัฐบาล เวลานี้ต้องการให้กำหนดกฎเกณฑ์เข้มงวดขึ้น พร้อมส่งเสียงเตือนว่าหากไม่ดำเนินการ อาจได้เห็นคนไข้โควิด-19 ในโรงพยาบาล แตะระดับ 25,000 คนในช่วงสิ้นเดือนพฤศจิกายน
พวกผู้นำท้องถิ่นหลายแห่ง ต่อต้านกฎระเบียบที่เข้มข้นในพื้นที่ของพวกเขา เนื่องจากกังวลต่อผลลัพธ์หายนะทางเศรษฐกิจ และวิตกต่อสุขภาพจิตของชาวบ้าน ขณะเดียวกันด้วยหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดทางภาคเหนือของอังกฤษ พรรคอนุรักษ์นิยมของเขาเพิ่งแย่งที่นั่งมาได้จากพรรคแรงงานในศึกเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา จอห์นสัน จึงเผชิญการตัดสินใจที่ยากลำบากในความพยายามรักษาสมดุลทางการเมือง
อนึ่ง สหราชอาณาจักรคือชาติที่ได้รับผลกระทบหนักหน่วงที่สุดในยุโรป ในแง่ของจำนวนผู้เสียชีวิต โดยเวลานี้มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แล้วมากกว่า 45,000 คน
(ที่มา : เอเอฟพี)