ทองคำระยะสั้นยังมีโมเมนตัมในเชิงบวก หลังข้อยุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน อาจต้องเลื่อนออกไปยาว ภาพรวมความผันผวนยังมีต่อเนื่อง จับตาแนวรับบริเวณ 1,472 เหรียญเป็นจุดเข้าสะสมทำกำไร
“วรุต รุ่งขำ” ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ วายแอลจี บูลเลียน แอนด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวถึงทิศทางราคาทองคำว่า ที่ผ่านมา ราคาทองคำมีการฟื้นตัว หรือมีการดีดตัวขึ้น หลังจากแนวโน้มการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนมีความไม่แน่นอน จากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาแสดงความเห็น และกล่าวว่า การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนอาจจะถูกเลื่อนไปหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนพฤจิกายน ปี 2020
นอกจากนี้แล้ว “ทรัมป์” ยังประกาศเรียกจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กกล้า และอะลูมิเนียมจากบราซิล และอาร์เจนตินา ซึ่งเป็นการเปิดสงครามการค้าต่อประเทศอื่นให้ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น ทำให้ทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยจึงมีการตอบรับและขยับตัวขึ้น ขณะที่ทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับฐานและอ่อนค่าลง อย่างไรก็ตาม ราคาทองคำปรับตัวลดลงหลังจาก “ทรัมป์” ออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนดำเนินไปได้ด้วยดี สวนทางกับความเห็นก่อนหน้า เลยทำให้นักลงทุนจับตาการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ว่าจะทิศทางเป็นอย่างไร และทองคำเลยเริ่มมีแรงขายทำกำไรสลับออกมาแต่ไม่มากนัก
ปัจจัยที่ยังต้องจับตา แนะนำจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แม้ว่าตลาดจะยังคงตีความว่าการประชุมในวันดังกล่าวจะยังไม่มีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติม แต่ตลาดยังคงจับตาผลการประชุมและหาสัญญาณการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในระยะถัดไป นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการเลือกตั้งของอังกฤษในวันที่ 12 ธันวาคม ซึ่งหากพรรคอนุรักษนิยม ของนายบอริส จอห์นสัน ได้รับคะแนนเสียง ก็มีแนวโน้มที่สถานการณ์ความวุ่นวายในอังกฤษอาจจะยุติลง ซึ่งอาจจะเป็นปัจจัยตัวหนึ่งที่หนุนสกุลเงินปอนด์และส่งผลเชิงบวกต่อราคาทองคำ
ขณะเดียวกัน จะมีการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB แม้นักลงทุนจะคาดการณ์ว่า ECB จะตึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0% ตามเดิม แต่ยังคงจับตาดูถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางยุโรป เพื่อใช้เป็นปัจจัยชี้นำทิศทางสกุลเงินยูโร และทิศทางราคาทองคำต่อไป ขณะที่ในวันที่ 15 ธันวาคม จะเป็นวันที่นักลงทุนจับตาการประกาศปรับขึ้นอัตราภาษีที่ทางฝั่งสหรัฐฯ สำหรับการจัดเก็บต่อจีนในอัตรา 15% หรือเป็นมูลค่า 1.56 แสนดอลลาร์สหรัฐ ซึ่ง “ทรัมป์” เคยกล่าวไว้ว่าถ้าหากสหรัฐฯ และจีนไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ จะมีการจัดเก็บภาษีในระดับดังกล่าวต่อจีนเพิ่มเติมในวันที่ 15 ธันวาคมนี้
จากปัจจัยต่างๆ ทำให้ “วายแอลจี” แนะนำกลยุทธ์การลงทุนว่า เนื่องจากราคาทองคำยังคงมีหลายปัจจัยที่ยังคงให้ติดตามและรอดูอยู่ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยังยากต่อการคาดเดา ทำให้ราคาทองคำจึงมีลักษณะการเคลื่อนไหวหรือการแกว่งตัวอยู่ในกรอบ อย่างไรก็ตาม หลังจากทองคำมีการขยับหรือปรับตัวขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้แนวโน้มหรือโมเมนตัมของทองคำเป็นบวกมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หากราคาทองคำมีการย่อหรือมีการปรับฐานลงมาไม่หลุดกรอบแนวรับด้านล่างบริเวณ 1,472-1,461 เหรียญ ถือว่าแนวโน้มราคาทองคำยังเป็นบวกในช่วงสั้น แนะนำนักลงทุนใช้แนวรับดังกล่าวเป็นจุดในการเข้าซื้อ ขณะที่ราคาขยับหรือดีดตัวขึ้นอาจจับตาดูในส่วนของแนวต้านบริเวณ 1,493-1,504 เหรียญ ว่าราคาจะผ่านได้หรือไม่ หากราคายังไม่สามารถผ่านได้อาจจะทยอยแบ่งทองคำออกขาย เพื่อรอการอ่อนตัวหรือปรับฐานลงมาจึงทำการเข้าซื้ออีกครั้ง
“แนะนำให้นักลงทุนปรับสถานะพอร์ตการลงทุนตามการแกว่งตัวและการเคลื่อนไหวของราคา และตามกระแสข่าวที่เกิดขึ้น โดยไม่ควรถือสถานะการลงทุนในจำนวนมาก เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานหรือประเด็นสงครามการค้ายังคงมีการผันผวนหรือมีการแกว่งตัวค่อนข้างสูง”