เจ้าหน้าที่ในเมืองฟิลาเดลเฟียของสหรัฐฯ ประกาศเคอร์ฟิวในวันพุธ (28 ต.ค.) หลังเกิดสถานการณ์ความไม่สงบ 2 คืนติด ท่ามกลางการชุมนุมประท้วงกรณีตำรวจกระหน่ำยิงชายผิวดำถือมีดที่ญาติบอกว่าเป็นโรคจิตไบโพลาร์ เสียชีวิต ซึ่งลุกลามกลายเป็นความรุนแรงและการปล้นห้างร้านในย่านธุรกิจ
ประกาศเคอร์ฟิวทั้งเมืองจะครอบคลุมเวลา 21.00 น.ของคืนวันพุธ (28 ต.ค.) จนถึง 06.00 น.ของเช้าวันพฤหัสบดี (29 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ตามถ้อยแถลงที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของฝ่ายบริหารฟิลาเดลเฟีย ประชาชนหลายพันคนไหลบ่าสู่ท้องถนนสายต่างๆ ของเมืองฟิลาเดลเฟีย ก่อนลุกลามกลายเป็นการปล้นสะดมและความรุนแรง หลังตำรวจยิงนายวอลเตอร์ วัลเลซ วัย 27 ปี ซึ่งถือมีดอยู่ในมือ เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ (26 ต.ค.) ทั้งทางครอบครัวระบุว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต และตั้งคำถามว่าทำไมตำรวจถึงไม่เลือกใช้เครื่องช็อตไฟฟ้าแทน
เหตุเสียชีวตของวอลเลซ และการประท้วงในเวลาต่อมา ยังโหมกระพือการปะทะทางการเมืองระหว่างพรรครีพับลิกัน และเดโมแครต ไม่ถึงสัปดาห์ก่อนถึงศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ
ทรัมป์ เลือกประณามผู้ชุมนุม โดยบอกกับผู้สื่อข่าวว่า “มันเป็นเรื่องน่าขยะแขยง สิ่งที่ผมเห็นนั้นน่าสะอิดสะเอียน และผมขอพูดตรงๆ เลยว่า นายกเทศมนตรีหรือใครก็ตามที่ปล่อยให้ผู้คนออกมาก่อจลาจลและปล้นสะดมโดยไม่หยุดยั้งพวกเขา ก็น่าขยะแขยงเช่นกัน”
สหรัฐฯ พบเห็นระลอกคลื่นของการประท้วงและเหตุปล้นสะดมมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดกรณีตำรวจผิวขาวคร่าชีวิตนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันในรัฐมินนิโซตา เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวถูกถ่ายภาพได้ในขณะที่เขานั่งเอาเข่ากดคอฟลอยด์ที่อยู่ในสภาพถูกสวมกุญแจมือไพล่หลังเป็นเวลาหลายนาที จนกระทั่งแน่นิ่งไป
พวกผู้ประท้วงกล่าวหาตำรวจเหยียดผิวและมีพฤติกรรมโหดร้ายป่าเถื่อน แต่ทรัมป์กลับบ่ายเบี่ยงไปเน้นที่สถานการณ์ความไม่สงบ เพื่อเสริมคำคุยโวของตนเองในฐานะเป็นผู้นำที่เด็ดขาด รักษาความความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง (law and order)ในศึกเลือกตั้งที่เขาต้องต่อสู้ชิงชัยกับ ไจ โบเดน ตัวแทนจากพรรคเดโมแครต
ในวันอังคาร (27 ต.ค.) ไบเดน และ กมาลา แฮร์ริส คู่ชิงรองประธานาธิบดีของเขา ระบุในถ้อยแถลงว่า “หัวใจพวกเขาสลายไปพร้อมกับครอบครัวของวัลเลซ” อย่างไรก็ตาม ทั้งสองได้เรียกร้องให้ผู้ประท้วงชุมนุมกันอย่างสันติ
“ไม่ว่าจะมีความโกรธแค้นมากน้อยเพียงใดต่อความอยุติธรรมในสังคมของเรา ก็ไม่อาจเป็นข้ออ้างสำหรับใช้ความรุนแรง” ถ้อยแถลงระบุ “การปล้นสะดมไม่ใช่การประท้วง มันคืออาชญากรรม และเบี่ยงเบนความสนใจไปจากเรื่องน่าเศร้าที่แท้จริง”
เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 คน รัวยิง วอลเลซ ตอนเวลา 14.00 น.ของวันจันทร์ (26 ต.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น หลังเขาปฏิเสธวางมีดลง ในขณะที่ผู้เป็นแม่จะพยายามห้ามปราม
ภาพในวิดีโอที่โพสต์บนสื่อสังคมออนไลน์ พบเห็น วอลเลซ ผลักแม่หนี จากนั้นก็เดินตรงเข้าหาตำรวจ ระหว่างนั้นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ก็ตะโกนขึ้นว่า “วางมีดลง” ทว่า ไม่กี่อึดใจตำรวจทั้ง 2 นายก็เปิดฉากรัวยิงเข้าใส่วอลเลซ
แฟรงก์ วาโนร์ ผู้บังคับการฝ่ายสอบสวน แถลงว่า ตำรวจเดินทางไปยังที่เกิดเหตุหลังได้รับแจ้งว่ามีผู้ชายตะโกนส่งเสียงดังและถือมีด และตำรวจทั้งคู่ยิงใส่วอลเลซคนละ 7 นัด แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเนื่องจากคดีนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
ส่วน จอห์น แม็กเนสบี ประธานฟราเทอร์นัล ออร์เดอร์ ออฟ โปลิส ลอดจ์ 5 ซึ่งเป็นองค์กรสนับสนุนตำรวจฟลอริดา ปกป้องตำรวจว่าต้องแก้ไขสถานการณ์ที่ตึงเครียดอย่างมาก และวอลเลซถือมีดเดินเข้าหาด้วยท่าทีก้าวร้าว
เมื่อวันอังคาร (27 ต.ค.) ทอม วูล์ฟ ผู้ว่าการรัฐเพนซิลเวเนีย แถลงว่า ได้ประจำการกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิหลายร้อยนายในเมืองฟิลาเดลเฟีย เพื่อปกป้องสิทธิการชุมนุมและการประท้วงอย่างสันติ ขณะเดียวกันก็จะคอยดูแลความปลอดภัยของประชาชน
(ที่มา : เอเอฟพี)