รัฐบาลอินเดียแก้ไขกฎหมายอนุญาตให้พลเมืองจากภูมิภาคอื่นๆ มีสิทธิ์เข้าไปถือครองที่ดินในแคชเมียร์ ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่กระพือเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการลิดรอนสิทธิของคนในท้องถิ่น
รัฐบาลเดลีได้ประกาศแจ้งเมื่อวันอังคาร (27) ว่า ข้อกำหนดที่ว่าด้วย “การเป็นผู้มีถิ่นอาศัยถาวรในรัฐจัมมูและแคชเมียร์” ได้ถูก “ละเว้น” ซึ่งเท่ากับเปิดทางให้พลเมืองอินเดียที่ไม่ใช่ชาวแคชเมียร์สามารถซื้อที่ดินในภูมิภาคแถบเทือกเขาหิมาลัยนี้ได้
ดินแดนแคชเมียร์ฝั่งอินเดียเคยมี ‘สถานะพิเศษ’ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ซึ่งอนุญาตให้ฝ่ายบริหารท้องถิ่นสามารถสงวนสิทธิ์การถือครองที่ดินไว้ให้เฉพาะชาวแคชเมียร์เท่านั้น
ดินแดนแคชเมียร์ถูกแบ่งออกเป็นฝั่งอินเดียและปากีสถานตั้งแต่ได้รับเอกราชจากอังกฤษในปี 1947 ทว่าทั้ง 2 ฝ่ายยังคงอ้างกรรมสิทธิ์ครอบครองพื้นที่ทั้งหมดจนถึงขั้นทำสงครามกันมาแล้ว 2 ครั้ง และยังเกิดเหตุปะทะตามแนวชายแดนเรื่อยมา
ปีที่แล้ว นายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี จากพรรคชาตินิยมฮินดูภารติยะชนตะ (BJP) ได้ยกเลิกสถานภาพการปกครองตนเองของแคชเมียร์ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่นับถืออิสลาม โดยการทำลายสถานะพิเศษและแบ่งแยกแคชเมียร์ออกเป็นดินแดนสหภาพ 2 แห่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลกลางได้จุดชนวนการประท้วงอย่างรุนแรง
รัฐบาลโมดีอ้างว่า ระบบการปกครองที่เป็นแบบแผนเดียวกันจะช่วยนำความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจมาสู่แคชเมียร์
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกลางและส่วนท้องถิ่นระบุว่า การแก้กฎหมายที่ดินล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่มุ่งทำให้กฎหมายทุกฉบับของอินเดียมีผลบังคับใช้กับแคชเมียร์ จากเดิมที่ไม่สามารถใช้ได้มานานถึง 70 ปี
“การแก้กฎหมายที่ดินถือเป็นส่วนสำคัญของความเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างที่กำลังเกิดขึ้นในจัมมูและแคชเมียร์ ภูมิภาคนี้สมควรถูกปกครองในลักษณะเดียวกับส่วนอื่นๆ ของประเทศ” เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยอินเดียผู้ไม่ประสงค์ออกนาม ระบุ
อย่างไรก็ตาม แกนนำฝ่ายค้านในแคชเมียร์ได้ออกมาประณามการกระทำล่าสุดของรัฐบาลโมดี
“การแก้กฎหมายมีค่าเท่ากับการประกาศขายที่ดินในจัมมูและแคชเมียร์ กฎหมายใหม่พวกนี้เป็นสิ่งที่ประชาชนชาวจัมมูและแคชเมียร์รับไม่ได้” โอมาร์ อับดุลเลาะห์ อดีตมุขมนตรีรัฐแคชเมียร์ ทวีตข้อความ โดยเขาเองเป็นหนึ่งในผู้ประท้วงและแกนนำชาวแคชเมียร์ 5,000 คนที่ถูกจับก่อนที่รัฐบาลจะเพิกถอนสิทธิ์ปกครองตนเองของแคชเมียร์ในปีที่แล้ว
ที่มา: รอยเตอร์
