เอเจนซีส์ - ทรัมป์ได้ชัยชนะสำคัญก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งแค่ 8 วัน หลังวุฒิสภาที่รีพับลิกันครองเสียงข้างมากโหวตรับรองผู้พิพากษาศาลสูงสุดที่เขาเสนอชื่อ ซึ่งจะทำให้ฝ่ายอนุรักษนิยมครองเสียงถึง 6 ใน 9 ขององค์คณะตุลาการชุดนี้และอาจส่งผลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีที่จะมีขึ้นต้นเดือนหน้า ด้านไบเดนโจมตีรีพับลิกันรีบร้อนผิดปกติ พร้อมกับบอกว่านี่เป็นตัวอย่างแสดงให้เห็นว่าทุกเสียงมีความสำคัญ ดังนั้นอเมริกันชนต้องออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
ในวันจันทร์ (26 ต.ค.) วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติด้วยคะแนน 52-48 รับรอง เอมี โคนีย์ แบร์เรตต์ อาจารย์นิติศาสตร์วัย 48 ปี ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาคนใหม่ของศาลสูงสุด ถือเป็นสมาชิกคนที่ 6 ในองค์คณะตุลาการศาลสูงสุดชุดปัจจุบันที่มีแนวทางอนุรักษนิยม และเป็นคนที่ 3 ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้สิทธิเป็นผู้เสนอชื่อ ทั้งนี้ผู้พิพากษาศาลสูงสุดสหรัฐฯ มีวาระดำรงตำแหน่งตลอดชีพ
ทรัมป์ประกาศจากทำเนียบขาวโดยมีแบร์เรตต์ยืนอยู่ด้านข้างว่า นี่เป็นวันสำคัญของอเมริกา รัฐธรรมนูญของอเมริกา และหลักนิติธรรมที่เที่ยงตรงและเป็นกลาง
ทางด้านพรรคเดโมแครตไม่พอใจอย่างมากที่รีพับลิกันเร่งรัดให้มีการรับรองแบร์เรตต์ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีเพียงไม่กี่วัน และเตือนว่า แบร์เรตต์อาจลงมติยกเลิกการคุ้มครองสิทธิในการทำแท้งหรือระบบประกันสุขภาพที่คุ้มครองชาวอเมริกันนับล้านคน
ทว่า แบร์เรตต์ที่ทำพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งเมื่อคืนวันจันทร์ ยืนยันว่าจะไม่นำความเชื่อส่วนตัวมาก้าวก่ายงานตุลาการ รวมทั้งจะไม่ยอมให้การเมืองแทรกแซง
การลงมติรับรองแบร์เรตต์ก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งเพียง 8 วันถือเป็นชัยชนะสำคัญที่ทรัมป์จะนำไปอวดอ้างระหว่างลุยหาเสียงโค้งสุดท้ายเพื่อต่อสู้กับโจ ไบเดน ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตที่โพลส่วนใหญ่ระบุว่า มีคะแนนนำในระดับทั่วประเทศราว 10% ขณะที่ในสนามเลือกตั้งสำคัญๆ บางรัฐ คะแนนของทั้งคู่ค่อนข้างคู่คี่
ทางฝ่ายไบเดนแถลงเมื่อคืนวันจันทร์ว่า การรับรองแบร์เรตต์อย่างรีบร้อนและไม่เคยมีมาก่อนเป็นการตอกย้ำกับชาวอเมริกันว่า คะแนนเสียงของทุกคนมีความสำคัญ
ทั้งนี้ ยังต้องติดตามกันต่อไปว่า ชัยชนะนี้จะเป็นตัวพลิกเกมเลือกตั้งประธานาธิบดีมาเข้าทางทรัมป์หรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือวิกฤตโรคระบาดยังตามหลอกหลอนอดีตพิธีกรเรียลิตีโชว์ผู้นี้ไม่เลิก ด้วยยอดผู้เสียชีวิตกว่า 225,000 คนในอเมริกา และผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นทำสถิติต่อเนื่องในหลายรัฐ ขณะที่ความหวังรัฐสภาจะสามารถผ่านแพคเกจให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ก่อนวันเลือกตั้งก็ดับวูบ โดยสมาชิกสภาพรรคเดโมแครตกับทำเนียบขาวไม่สามารถตกลงรอมชอมกันได้
กระนั้น ทรัมป์ยังอวดอ้างระหว่างหาเสียงในรัฐเพนซิลเวเนียเมื่อวันจันทร์ว่า โรคระบาดเริ่มซาลงแล้วและกล่าวหาสื่อเอาแต่ประโคมข่าวไวรัส ทั้งที่เมื่อวันอาทิตย์ (25) มาร์ก มีโดว์ส ประธานคณะเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาว เพิ่งยอมรับว่า คณะบริหารไม่ได้กำลังจะควบคุมโรคระบาด แต่โฟกัสที่การบรรเทาการระบาดเท่านั้น
ทรัมป์ยังประกาศว่า ประชาชนมีโอกาสเลือกระหว่างตนที่จะผลักดันการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว กับไบเดนที่จะทำให้เศรษฐกิจถดถอยรุนแรง
ด้านไบเดนซึ่งแวะหาเสียงที่เพนซิลเวเนียเมื่อวันจันทร์ โจมตีว่า ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างย่ำแย่ที่สุดที่จะนำอเมริกาให้หลุดพ้นจากโรคระบาด ก่อนหน้านั้นเขาก็บอกว่า ทรัมป์ยกธงขาวยอมแพ้ตั้งแต่แรกด้วยการบอกว่า ไวรัสจะหายไปเอง
ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดี วัย 77 ปี ที่ใช้แนวทางในการหาเสียงอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันความเสี่ยงโรคระบาดมากกว่าทรัมป์อย่างชัดเจน เสริมว่า จะลุยหาเสียงในช่วงที่เหลือนี้เพื่อนำประชาธิปไตยกลับมา เริ่มจะจากที่รัฐจอร์เจียวันอังคาร (27)
ขณะเดียวกัน มีการเปิดเผยว่า จนถึงวันจันทร์มีชาวอเมริกันถึง 64 ล้านคนไปเลือกตั้งก่อนกำหนด มากกว่าจำนวนผู้ไปใช้สิทธิ์ก่อนกำหนดในการเลือกตั้งปี 2016 ถึง 6 ล้านคน
และจากข้อมูลที่ระบุว่า พวกที่ไปเลือกตั้งก่อนกำหนดนั้น ผู้สนับสนุนเดโมแครตมีสัดส่วนสูงกว่าผู้สนับสนนรีพับลิกันมาก ทำให้ผู้นำรีพับลิกันบางคนเริ่มยอมรับว่าตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์กำลังอยู่ในอันตราย