เอเจนซีส์ - รัฐต่างๆ เกือบ 2 ใน 3 ของอเมริกาอยู่ในโซนอันตรายที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาละวาดหนัก โดย 6 รัฐ มียอดผู้เสียชีวิตรายวันทำสถิติสูงสุดเมื่อวันพุธ (22 ต.ค.) เวลาเดียวกันโรคระบาดที่ปรากฏอีกระลอกในยุโรปก็ทำให้โรงพยาบาลต่างๆ อยู่ในภาวะตึงตัว ขณะไอร์แลนด์เป็นประเทศแรกในทวีปนี้ ที่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบสอง และสเปนเป็นประเทศยุโรปแห่งแรกที่มียอดผู้ติดเชื้อสะสมทะลุ 1 ล้านคน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานการวิเคราะห์ของตน ว่า รัฐฮาวาย แคนซัส ไอโอวา มินนิโซตา มอนทานา และ วิสคอนซิน ของอเมริกา ต่างมีผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิด-19 ทุบสถิติเมื่อวันพุธ ขณะที่ 32 รัฐ จากทั้งหมด 50 รัฐเข้าสู่โซนอันตราย เมื่อมีอัตราส่วนจำนวนเคสใหม่ต่อประชากร 100,000 คน สูงเกิน 100 ในช่วงสัปดาห์ที่แล้ว โดยที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศก็ทำสถิติสูงสุดนับจากเดือนกรกฎาคม
จำนวนผู้ติดเชื้อในอเมริกาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยวันละ 60,000 คน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากที่ลดลงเหลือราววันละ 35,000 คนช่วงกลางเดือนกันยายน
แม้ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขเตือนมานานแล้วว่า การผ่อนคลายนโยบายเว้นระยะห่างทางสังคมเร็วเกินไป รวมทั้งการทำให้การสวมหน้ากากกลายเป็นประเด็นทางการเมือง จะทำให้ไวรัสโคโรนากลับมาระบาดหนัก และแม้เวลานี้มีผู้เสียชีวิตกว่า 221,000 คน แต่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังยืนกรานต่อต้านการบังคับใช้มาตรการจำกัดเข้มงวดต่างๆ เพื่อป้องกันโรคระบาดอีกครั้ง โดยอ้างเหตุผลว่า การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจขึ้นอยู่กับการที่ประชาชนจะต้องสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
ยุโรปซึ่งเผชิญการระบาดรอบสองรุนแรงเช่นกัน ทำให้หลายประเทศต้องงัดมาตรการล็อกดาวน์มาใช้อีกครั้ง
จากข้อมูลของศูนย์เพื่อการป้องกันและควบคุมโรคแห่งยุโรป (อีซีดีซี) ภูมิภาคนี้มีผู้ติดเชื้อกว่า 5 ล้านคน และเสียชีวิต 200,000 คน และเคสใหม่เริ่มเพิ่มขึ้นรุนแรงนับจากปลายเดือนที่ผ่านมา โดยมีรายงานว่า ทางการผู้รับผิดชอบในประเทศต่างๆ จากโปแลนด์ไปจนถึงโปรตุเกส ส่งสัญญาณเตือนภัยกันมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า วิกฤตระลอกใหม่นี้กำลังสร้างความตึงตัวให้แก่โครงสร้างทางสาธารณสุขของพวกเขา
ไอร์แลนด์กลายเป็นประเทศแรกในยุโรปที่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบสอง โดยออกคำสั่งให้ประชาชนงดออกจากบ้านนาน 6 สัปดาห์ ปิดธุรกิจที่ไม่จำเป็น และจำกัดการเดินทางไม่เกิน 5 กิโลเมตรจากบ้าน ห้ามนั่งกินดื่มในร้านอาหารและบาร์ และห้ามการพบปะสังสรรค์ที่บ้าน
เยอรมนีที่เคยประสบความสำเร็จในการควบคุมการระบาด รายงานเมื่อวันพุธพบเคสใหม่รายวัน 11,287 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากที่โควิด-19 เริ่มระบาดเมื่อต้นปี เทียบกับสถิติสูงสุดก่อนหน้านี้ที่กว่า 7,800 คน เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (16)
นอกจากนั้น ยังมีรายงานว่า เจนส์ สแปน รัฐมนตรีสาธารณสุข และเป็นพันธมิตรสำคัญของนายกรัฐมนตรี อังเกลา แมร์เคิล ติดโควิดและต้องกักตัวอยู่บ้าน
สเปนพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 16,793 คน และกลายเป็นประเทศแรกในยุโรปที่มีผู้ติดเชื้อทะลุ 1 ล้านคน นับจากพบผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อวันที่ 31 มกราคม
แดนกระทิงดุยังเป็นประเทศที่ 6 ในโลกที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 1 ล้านคน ถัดจากอเมริกา อินเดีย บราซิล รัสเซีย และ อาร์เจนตินา
สหราชอาณาจักร ประเทศที่มีผู้เสียชีวิต 44,000 คน สูงที่สุดในยุโรป เผยว่า ประชาชน 1.4 ล้านคน ในเทศมณฑลเซาท์ยอร์กเชียร์ ทางเหนือของเขตอังกฤษ จะถูกห้ามไม่ให้จัดงานสังสรรค์ในบ้าน และอยู่ภายใต้มาตรการจำกัดระดับ 3 อย่างน้อย 4 สัปดาห์นับจากวันเสาร์ (24) ทำให้จำนวนประชาชนที่จะอยู่ภายใต้มาตรการจำกัดระดับสูงสุดเพิ่มเป็น 7.3 ล้านคน หรือ 13% ของประชากรทั้งหมด
เบลเยียมที่กำลังต่อสู้กับ “สึนามิของโรคระบาด” และเป็นประเทศหนึ่งที่มีอัตราการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากรสูงสุดในโลก กำลังพิจารณาเลื่อนกระบวนการรักษาพยาบาลที่ไม่จำเป็นอื่นๆ ออกไปก่อน เพื่อให้โรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์โฟกัสรองรับผู้ป่วยโควิด-19 นอกจากนั้น อาจมีการประกาศมาตรการล็อกดาวน์อย่างเร็วที่สุดในสัปดาห์หน้า
ที่เนเธอร์แลนด์ พวกผู้รับผิดชอบด้านสาธารณสุข บอกว่า ถ้าคนไข้โควิด-19 ในโรงพยาบาลต่างๆ ยังเพิ่มขึ้นต่อไปแล้ว สามในสี่ของการดูแลรักษาพยาบาลตามปกติ อาจจะต้องถูกยกเลิกไปภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน ทั้งนี้ พวกผู้รับผิดชอบในประเทศเช็ก ก็กำลังส่งคำเตือนทำนองเดียวกัน
ในอีกด้านหนึ่ง แอนวิซา หน่วยงานสาธารณสุขบราซิล แถลงเมื่อวันพุธว่า อาสาสมัครคนหนึ่งที่เข้ารับการทดสอบวัคซีนต่อต้านโควิด-19 ที่พัฒนาโดย แอสตราเซเนกา และ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้เสียชีวิต แต่สำทับว่า การทดสอบจะยังดำเนินต่อไป
ออกซ์ฟอร์ดยืนยันอีกเสียงว่า โครงการทดสอบจะดำเนินต่อ หลังจากการประเมินผลอย่างละเอียดพบว่า ไม่มีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการทดลองทางคลินิก ขณะที่แหล่งข่าวคนหนึ่งเผยว่า การทดสอบจะถูกระงับต่อเมื่ออาสาสมัครที่เสียชีวิตเป็นผู้ที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 เรื่องนี้จึงบ่งชี้ว่า ผู้เสียชีวิต ซึ่งซีเอ็นเอ็น บราซิล รายงานว่า เป็นชายหนุ่มอายุ 28 ปี ที่อาศัยอยู่ในเมืองริโอ เดอ จาเนโร อยู่ในกลุ่มควบคุมที่ได้รับวัคซีนหลอก ซึ่งระบุกันว่า เป็นวัคซีนป้องกันโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ไม่ใช่วัคซีนต้านไวรัสโคโรนา