ราคาน้ำมันปรับขึ้นในวันพุธ (14 ต.ค.) พบโอเปกและพันธมิตรปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังผลิตอย่างสมบูรณ์ในเดือนกันยายน แม้มีความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ท่ามกลางตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ข้อวิตกนี้ผลักทองคำพุ่งแรง ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบ ความหวังคองเกรสผ่านมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนเลือกตั้งเลือนรางลงไป
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 84 เซ็นต์ ปิดที่ 41.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 87 เซ็นต์ ปิดที่ 43.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
รอยเตอร์รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 2 รายในโอเปก+ ว่าโอเปกและพันธมิตรปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังผลิต เกินกว่า 100% ในเดือนกันยน โดยอยู่ที่ 102%
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในเดือนกันยายน สมาชิกโอเปกปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังผลิตที่ 105% ส่วนพันธมิตรนอกโอเปก ปฏิบัติตามข้อตกลงลดกำลังผลิต 97%
ความเคลื่อนไหวในแดนบวกของราคาน้ำมัน มีขึ้นแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั่วโลกยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยนี้เองที่ผลักให้นักลงทุนหันถือครองสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและดันราคาทองคำขยับขึ้นในวันพุธ (14 ต.ค.) โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 12.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,907.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (14 ต.ค.) ปิดลบพอสมควร ตามแรงฉุดของแอมะซอน และไมโครซอฟท์ นักลงทุนมองว่าความหวังที่แพ็คเกจเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่จะผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสก่อนศึกเลือกตั้งเดือนพฤศจิกายน ลดน้อยลงไป
ดาวโจนส์ ลดลง 165.81 จุด (0.58 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 28,514.00 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 23.26 จุด (0.66 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,488.67 จุด แนสแดค ลดลง 95.17 จุด (0.80 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,768.73 จุด
ความเห็นของสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ก่อความผิดหวังแก่นักลงทุน หลังเขาบอกว่าข้อตกลงแพกเกจเยียวยาผลกระทบโควิด-19 รอบใหม่ ดูเหมือนจะไม่เกิดขึ้นก่อนศึกเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน
คำพูดดังกล่าวซ้ำเติมความอ่อนไหวแก่วอลล์สตรีท ท่ามกลางรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ผสมผสานของบรรดาสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่
(ที่มา : รอยเตอร์)