ราคาน้ำมันปิดผสมผสานในวันพุธ (30 ก.ย.) หลังคลังปิโตรเลียมลด แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่วนวอลล์สตรีทพุ่งแรง จากความหวังต่อมาตรการเยียวยารอบใหม่ในสภาคองเกรส ความเคลื่อนไหวของตลาดทุนฉุดราคาทองคำปรับลด
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 93 เซ็นต์ ปิดที่ 40.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 8 เซ็นต์ ปิดที่ 40.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ เปิดเผยในวันพุธ (30 ก.ย.) ว่าคลังน้ำมันดิบสำรองของประเทศในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 กันยน ลดลง 2 ล้านบาร์เรล สวนทางกับทีพวกนักวิเคราะห์คาดหมายว่าจะเพิ่มขึ้น 400,000 บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำมันปิดผสมผสาน เนื่องจากยังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลของสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ที่ยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกพุ่งเกิน 1 ล้านคนแล้ว เพิ่มขึ้นเท่าตัวในระยะเวลาเพียง 3 เดือน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพุธ (30 ก.ย.) พุ่งแรง ขณะที่แกนนำสภาคองเกรสและรัฐบาลเดินหน้าเจรจาแพ็คเกจเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19รอบใหม่ และข้อมูลบวกทางเศรษฐกิจ
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 329.04 จุด (1.20 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 27,781.70 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 27.53 จุด (0.83 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,363.00 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 82.26 จุด (0.74 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,167.51 จุด
ทั้ง 3 ดัชนีดีดตัวขึ้น หลังจาก แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฏรจากเดโมแครตและสตีฟ มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ต่างแสดงความหวังว่าจะสามารถฝ่าทางตันในการเจรจาร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ฉบับใหม่ได้สำเร็จ
นักลงทุนตรึกตรองผลของศึกดีเบตประธานาธิบดีสหรัฐฯรอบแรกเมื่อวันอังคาร (29 ก.ย.) ซึ่งประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากรีพับลิกัน และโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงจากเดโมแครต ต่างกล่าวโจมตีอีกฝ่าย สบประมาทแดกดันและทะเลาะกันในประเด็นต่างๆ ทั้งโรคระบาดใหญ่โควิด-19, ประกันสุขภาพและเศรษฐกิจ
ตลาดได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่น่าประหลาดใจ หลังสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐฯ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) พุ่งขึ้น 8.8% แตะระดับ 132.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนสิหาคม เมื่อเทียบรายเดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 3.4%
การพุ่งขึ้นของดัชนีได้รับแรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองที่อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19
ส่วนกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นประมาณการครั้งสุดท้าย สำหรับตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 2 โดยระบุว่า เศรษฐกิจหดตัวลง 31.4% ซึ่งเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดนับตั้งแต่ที่สหรัฐฯ เริ่มมีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวเมื่อ 70 ปีก่อน
อย่างไรก็ดี ตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับ GDP ประจำไตรมาส 2 ดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจหดตัวลง 31.7% และดีกว่าตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 ที่ระบุว่าเศรษฐกิจหดตัวลง 32.9%
ความเคลื่อนไหวของตลาดทุน ผลักนักลงทุนเมินสินทรัพย์เสี่ยงต่ำและฉุดราคาทองคำในวันพุธ (30 ก.ย.) ปิดลบแรง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 7.70 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,895.50 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)