น้ำมันดิ่งลงกว่า 3% ในวันอังคาร (29 ก.ย.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ หลังยุโรปและสหรัฐฯ กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่วนวอลล์สตรีทปิดลบจับตาศึกดีเบตเลือกตั้งประธานาธิบดีอเมริกา ขณะที่ทองพุ่ง 20 ดอลลาร์
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 39.29 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 1.40 ดอลลาร์ ปิดที่ 41.03 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนงวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 3.1% ปิดที่ 41.56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ราคาน้ำมันขยับลงก่อนหน้าที่สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานแห่งสหรัฐฯ (อีไอเอ) มีกำหนดเผยแพร่ข้อมูลคลังปิโตรเลียมสำรองในวันพุธ (30 ก.ย.) ท่ามกลางความคาดหมายว่าสต๊อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 1.6 ล้านบาร์เรลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ตลาดน้ำมันถูกฉุดจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนทั่วโลกเกิน 1 ล้านคน พร้อมๆ กับทำลายเศรษฐกิจโลกย่อยยับและกัดเซาะอุปสงค์พลังงานลงอย่างมาก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันอังคาร (29 ก.ย.) ปิดลบเป็นครั้งแรกในรอบ 4 วัน นักลงทุนถอนเงินออกจากตลาด ไม่กี่ชั่วโมงก่อนศึกดีเบตครั้งแรกระหว่างคู่ชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีอเมริกา
ดาวโจนส์ ลดลง 131.40 จุด (0.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 27,584.06 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 16.13 จุด (0.48 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 3,335.47 จุด แนสแดค ลดลง 32.28 จุด (0.29 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 11,085.25 จุด
นักลงทุนจับตาการดีเบตรอบแรกระหว่างคู่ชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งได้แก่ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และ โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต
นักวิเคราะห์เตือนว่า การซื้อขายในตลาดหุ้นจะประสบความผันผวนในสัปดาห์นี้ โดยได้รับผลกระทบจากการดีเบต ซึ่งหากทรัมป์ชนะการดีเบตดังกล่าวก็จะส่งผลให้หุ้นในกลุ่มเชื้อเพลิงฟอสซิล และบริษัทผลิตอาวุธดีดตัวขึ้น และหากไบเดนเป็นฝ่ายชนะก็จะทำให้หุ้นในกลุ่มที่มีการค้าทั่วโลก และกลุ่มพลังงานหมุนเวียนดีดตัว
ทั้งนี้ ผลสำรวจของโพลล่าสุด ไบเดน มีคะแนนนิยมนำหน้าในระดับประเทศและในรัฐสมรภูมิหลายรัฐ
ส่วนราคาทองคำในวันอังคาร (29 ก.ย.) กลับมาเปิดเหนือ 1,900 ดอลลาร์อีกครั้ง สูงสุดในรอบสัปดพาห์ หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 20.90 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,903.20 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : มาร์เกตวอตช์/รอยเตอร์)