ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 29 ก.ย.2563
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) ซึ่งเป็นการปิดในแดนลบวันแรกในรอบ 4 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นก่อนที่การดีเบตรอบแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต จะเปิดฉากขึ้นในวันนี้เวลา 08.00 น.ตามเวลาไทย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,452.66 จุด ลดลง 131.40 จุด หรือ -0.48% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,335.47 จุด ลดลง 16.13 จุด หรือ -0.48% ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,085.25 จุด ลดลง 32.28 จุด หรือ -0.29%
-- -ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดยถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนชะลอการซื้อหุ้นเพื่อรอดูการดีเบตรอบแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน ผู้ท้าชิงในศึกเลือกตั้งสหรัฐฯ โดยการดีเบตดังกล่าวจะเริ่มขึ้นในช่วงเช้าวันพุธนี้ประมาณ 08.00 น.ตามเวลาประเทศไทย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.52% ปิดที่ 361.49 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,832.07 จุด ลดลง 11.20 จุด หรือ -0.23%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,825.82 จุด ลดลง 45.05 จุด หรือ -0.35% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,897.50 จุด ลดลง 30.43 จุด หรือ -0.51%
-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้น รวมไปถึงการออกมาตรการควบคุมเพิ่มขึ้นเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,897.50 จุด ลดลง 30.43 จุด หรือ -0.51%
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 40 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก และทำให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัวลงในระยะยาว ขณะที่นักลงทุนจับตารายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันนี้
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. ร่วงลง 1.31 ดอลลาร์ หรือ 3.2% ปิดที่ 39.29 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.ปีนี้
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน พ.ย. ร่วงลง 1.40 ดอลลาร์ หรือ 3.3% ปิดที่ 41.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย.ปีนี้
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากสกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ยังกระตุ้นให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 20.9 ดอลลาร์ หรือ 1.11% ปิดที่ 1,903.2 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้น 84.1 เซนต์ หรือ 3.56% ปิดที่ 24.445 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 6.3 ดอลลาร์ หรือ 0.71% ปิดที่ 897.7 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 57.80 ดอลลาร์ หรือ 2.5% ปิดที่ 2,329.30 ดอลลาร์/ออนซ์
-- ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (29 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรหลังจากดัชนีดอลลาร์พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน ขณะที่นักลงทุนจับตาการดีเบตรอบแรกระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน และนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรคเดโมแครต ในช่วงเช้าวันนี้ตามเวลาไทย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.40% แตะที่ 93.8937 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9195 ฟรังก์ จากระดับ 0.9245 ฟรังก์ อย่างไรก็ดี ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.68 เยน จากระดับ 105.52 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3385 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3371 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1737 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1664 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์แข็งค่าขึ้นแตะที่ระดับ 1.2861 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2837 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 0.7129 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7070 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 27,452.66 จุด ลดลง 131.40 จุด, -0.48%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,335.47 จุด ลดลง 16.13 จุด, -0.48%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 11,085.25 จุด ลดลง 32.28 จุด, -0.29%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,825.82 จุด ลดลง 45.05 จุด, -0.35%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,897.50 จุด ลดลง 30.43 จุด, -0.51%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,832.07 จุด ลดลง 11.20 จุด, -0.23%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 37,973.22 จุด ลดลง 8.41 จุด, -0.02%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,471.61 จุด ลดลง 11.40 จุด, -0.46%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,503.90 จุด ลดลง 7.76 จุด, -0.51%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,879.10 จุด ลดลง 27.45 จุด, -0.56%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,275.53 จุด ลดลง 200.52 จุด, -0.85%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,224.36 จุด เพิ่มขึ้น 6.82 จุด, +0.21%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,327.89 จุด เพิ่มขึ้น 19.81 จุด, +0.86%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,952.10 จุด ลดลง 0.20 จุด, -0.0034%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,141.50 จุด เพิ่มขึ้น 6.60 จุด, +0.11%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 23,539.10 จุด เพิ่มขึ้น 27.48 จุด, +0.12%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 12,467.73 จุด เพิ่มขึ้น 4.97 จุด, +0.04%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 5,841.60 จุด ลดลง 19.79 จุด, -0.34%