ดัชนีและภาวะตลาดหุ้น น้ำมัน ทองคำ และตลาดเงินต่างประเทศ ประจำวันที่ 23 ก.ย.2563
-- ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังรายงานเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการของสหรัฐฯ ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน รวมทั้งความล่าช้าในการออกมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ โดยหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงหนักสุด ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ชะลอตัวลง ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเนื่องจากแรงขายทำกำไร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,763.13 จุด ร่วงลง 525.05 จุด หรือ -1.92% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,632.99 จุด ลดลง 330.65 จุด หรือ -3.02% ส่วนดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,236.92 จุด ลดลง 78.65 จุด หรือ -2.37%
-- ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มการเดินทางและกลุ่มผลิตภัณฑ์กีฬา และนักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางและรัฐบาลต่างๆ จะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.55% ปิดที่ 359.53 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,802.26 จุด เพิ่มขึ้น 29.42 จุด หรือ +0.62%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,642.97 จุด เพิ่มขึ้น 48.58 จุด หรือ +0.39, และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,899.26 จุด เพิ่มขึ้น 69.80 จุด หรือ +1.20%
-- ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) โดยฟื้นตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน เนื่องจากหุ้นกลุ่มส่งออกได้แรงหนุนจากเงินปอนด์ที่อ่อนค่าลง หลังอังกฤษออกมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ครั้งใหม่
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,899.26 จุด เพิ่มขึ้น 69.80 จุด หรือ +1.20%
-- สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,900 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยกดดันตลาด นอกจากนี้ ความคืบหน้าเกี่ยวกับการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ยังทำให้นักลงทุนลดการถือครองทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ร่วงลง 39.2 ดอลลาร์ หรือ 2.05% ปิดที่ 1,868.4 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดในรอบ 2 เดือน หรือนับตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค.ปีนี้
สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 1.418 ดอลลาร์ หรือ 5.78% ปิดที่ 23.105 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาแพลทินัมส่งมอบเดือน ต.ค. ลดลง 14.4 ดอลลาร์ หรือ 1.68% ปิดที่ 843 ดอลลาร์/ออนซ์
สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือน ธ.ค. พุ่งขึ้น 28.70 ดอลลาร์ หรือ 1.3% ปิดที่ 2,258.30 ดอลลาร์/ออนซ์
-- สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) ขานรับรายงานสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ที่ปรับตัวลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 อย่างไรก็ดี ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 39.93 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน พ.ย. เพิ่มขึ้น 5 เซนต์ หรือ 0.1% ปิดที่ 41.77 ดอลลาร์/บาร์เรล
-- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.ย.) โดยนักลงทุนเดินหน้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกจากนี้ ดอลลาร์ยังได้แรงหนุนจากการที่นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) สาขาชิคาโก ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.43% แตะที่ระดับ 94.3914 เมื่อคืนนี้
ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 105.41 เยน จากระดับ 104.92 เยน และแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9241 ฟรังก์ จากระดับ 0.9198 ฟรังก์ นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.3378 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.3309 ดอลลาร์แคนาดา
ยูโรอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1656 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1704 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.2715 ดอลลาร์ จากระดับ 1.2733 ดอลลาร์ และดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7076 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7166 ดอลลาร์สหรัฐ
ดัชนี DJIA ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 26,763.13 จุด ลดลง 525.05 จุด, -1.92%
ดัชนี S&P500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 3,236.92 จุด ลดลง 78.65 จุด, -2.37%
ดัชนี NASDAQ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดที่ 10,632.99 จุด ลดลง 330.65 จุด, -3.02%
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 12,642.97 จุด เพิ่มขึ้น 48.58 จุด, +0.39%
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,899.26 จุด เพิ่มขึ้น 69.80 จุด, +1.20%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,802.26 จุด เพิ่มขึ้น 29.42 จุด, +0.62%
ดัชนี SENSEX ตลาดหุ้นอินเดียปิดที่ 37,668.42 จุด ลดลง 65.66 จุด, -0.17%
ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ปิดที่ 2,481.14 จุด เพิ่มขึ้น 17.85 จุด, +0.72%
ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดที่ 1,496.48 จุด ลดลง 9.30 จุด, -0.62%
ดัชนี Jakarta Composite ตลาดหุ้นอินโดนีเซียปิดที่ 4,917.96 จุด ลดลง 16.14 จุด, -0.33%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดที่ 23,742.51 จุด เพิ่มขึ้น 25.66 จุด, +0.11%
ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนปิดที่ 3,279.71 จุด เพิ่มขึ้น 5.41 จุด, +0.17%
ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ปิดที่ 2,333.24 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด, +0.03%
ดัชนี S&P/ASX 200 ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 5,923.90 จุด พุ่งขึ้น 139.80 จุด, +2.42%
ดัชนี ALL ORDINARIES ตลาดหุ้นออสเตรเลียปิดที่ 6,111.30 จุด เพิ่มขึ้น 137.80 จุด, +2.31%
ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดที่ 23,346.49 จุด ลดลง 13.81 จุด, -0.06%
ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวันปิดที่ 12,583.88 จุด ลดลง 61.63 จุด, -0.49%
ดัชนี PSE Composite ตลาดหุ้นฟิลิปปินส์ปิดที่ 5,892.72 จุด ลดลง 1.56 จุด, -0.03%