ยอดติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายวันในสหรัฐฯ แตะระดับสูงสุดรอบ 2 เดือนในวันศุกร์ (9 ต.ค.) ด้วยจำนวนมากกว่า 58,000 คน ขณะที่ตัวเลขผู้เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ ในแถบมิดเวสต์ก็ทุบสถิติสูงสุด 5 วันติดต่อกัน ตามการวิเคราะห์ของสำนักข่าวรอยเตอร์
จากข้อมูลของรอยเตอร์พบว่า 10 จาก 50 รัฐ รายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันสูงสุดนับตั้งแต่ระบาดในวันศุกร์ (9 ต.ค.) ในนั้นรวมถึงรัฐต่างๆ ทางมิดเวสต์ อย่างอินดีแอนา, มินนิโซตา, มิสซูรี และโอไฮโอ ส่วน วิสคอนซินและอิลลินอยส์ รายงานพบผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 3,000 คนเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ตัวเลขรวม 2 วันอันสูงลิ่วแบบที่ไม่พบเห็นแม้กระทั่งในช่วงพีกสุดของการแพร่ระบาดระลอกแรกในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
ส่วนรัฐต่างๆ ทางตะวันตกอย่างมอนทานา, นิวเม็กซิโก และไวโอมิง ก็รายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันเดียวมากสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดเช่นกัน เช่นเดียวกับโอคลาโฮมา และเวสต์เวอร์จิเนีย
ตามข้อมูลดังกล่าว พบว่ามีรัฐต่างๆ อย่างน้อย 19 รัฐ ที่ทุบสถิติจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันตั้งแต่เข้าสู่เดือนตุลาคม
ท่ามกลางเคสผูุ้ติดเชื้อที่กลับมาพุ่งขึ้นทั่วประเทศ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเร็วๆ นี้ติดเชื้อโควิด-19 ได้กล่าวปราศรัยกับบรรดาผู้สนับสนุนจากระเบียงของทำเนียบขาวในวันเสาร์ (10 ต.ค.) ก้าวย่างแรกของการหวนคืนสู่การรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง
ทรัมป์และรัฐบาลของเขาเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักต่อการรับมือกับโรคระบาดใหญ่ เช่นเดียวกับกรณีไม่สวมหน้ากากและไม่ใช้มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในทำเนียบขาว
แม้ว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วประเทศยังคงอยู่ในแนวโน้มขาลง แต่สหรัฐฯ ต้องสูญเสียผู้คนเฉลี่ยแล้ว 700 รายต่อวัน และมีอยู่ 3 รัฐที่ทุบสถิติมีผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดตั้งแต่ระบาดในวันศุกร์ (9 ต.ค.) ได้แก่ อาร์คันซอ, มิสซูรี และมอนทานา ขณะเดียวกัน พวกผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตคือตัวบ่งชี้ที่ตามมีทีหลังซึ่งปกติแล้วจะเพิ่มขึ้นหลายสัปดาห์หลังยอดผู้ติดเชื้อพุ่งทะยาน
ทั้งนี้ คาดหมายกันว่าจำนวนผู้เสียชีวิตโควิด-19 จะเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงฤดูหนาวนี้
ประมาณการว่าอัตราการเสียชีวิตรายวันของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้น 3 เท่าในช่วงกลางเดือมกราคม เป็น 2,250 คนต่อวัน และตัวเลขผู้เสียชีวิตสะสมน่าจะแตะระดับ 395,000 คนในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2021 จากการอัปเดตข้อมูลใหม่ของมหาวิทยาลัยวอชิงตันซึ่งอ้างอิงโมเดลอย่างกว้างๆ
อย่างไรก็ตาม สถาบันเพื่อการวัดและประเมินสุขภาพของมหาวิทยาลัยวอชิงตัน อ้างอิงข้อมูลของคณะทำงานเฉพาะกิจรับมือโควิด-19 ของทำเนียบขาว ระบุว่าหากอเมริกันชนหันมาสวมหน้ากากมากขึ้นในระดับเดียวกับสิงคโปร์ จำนวนผู้เสียชีวิตในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ จะลดลงเหลือ 316,000 คน เท่ากับว่ามีถึง 79,000 ชีวิตที่ได้รับการปกป้อง
ปัจจุบันรัฐบาลกลางไม่มีคำสั่งบังคับสวมหน้ากาก และมีอยู่ 17 รัฐที่ไม่บังคับประชาชนสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19
ด้วยจำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น พบว่าโรงพยาบาลต่างๆ ในหลายรัฐกำลังตกอยู่ในภาวะตึงเครียดต่อการรับมือกับคนไข้โควิด-19 ที่ไหลบ่ามาไม่ขาดสาย
มีอยู่ 7 รัฐที่รายงานในวันศุกร์ (9 ต.ค.) ว่ามีจำนวนคนไข้โควิด-19 เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ สูงสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาด ประกอบด้วย อาร์คันซอ, แคนซัส, มิสซูรี, มอนแทนา, นอร์ทดาโคตา, โอคลาโฮมา และวิสคอนซิน
ในแถบมิดเวสต์ ผู้เข้ารักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆ พุ่งขึ้นเป็นเกือบ 9,000 คน ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่วันจันทร์ (5 ต.ค.) เป็นต้นมา
(ที่มา : รอยเตอร์)
