เอเจนซีส์/mgr ออนไลน์ – รัฐบาลทั่วเอเชียรวมออสเตรเลียแสดงความวิตกกังวลหลังข่าวผู้นำสหรัฐฯ ติดโควิด-1 9ออกมา พบโซลเตรียมแผน 2 กรณีโจ ไบเดน คู่แข่งเกิดชนะเลือกตั้ง ส่วนสิงคโปร์ถือตัวเป็นพันธมิตรสุดใกล้ชิด ระบุต้องมีความแน่นอนต่อตำแหน่ง ปธน.สหรัฐฯ ด้านมาเลเซียตั้งคำถามจะจัดการอย่างไรกับรัฐบาลในวอชิงตันและการเลือกตั้งสหรัฐฯ ส่วนหนังสือพิมพ์เวสเทิร์นออสเตรเลียเล่นแรงพาดหัว “ชีวิตของน้ำยาฆ่าเชื้อ” สื่อนัยถึง bleach หรือน้ำยาฆ่าเชื้อที่ทรัมป์เคยแนะนำให้ชาวอเมริกันฉีดใส่ร่าง
หนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงานเมื่อวานนี้ (3 ต.ค.) ว่า ในเวลานี้ที่ยังมีความคลุมเคลือโดยแพทย์สหรัฐฯ ยังคงกล่าวว่า อาการผู้นำสหรัฐฯ ยังคงน่าเป็นห่วงและอีก 48 ชั่วโมงข้างหน้าถือเป็นช่วงเวลาที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด อ้างอิงจาก CNN ที่ได้เปิดเผยต่อว่า แหล่งข่าววงในเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ รู้สึกตกใจหลังพบตัวเองมีผลการติดโควิด-19 และยิ่งตกใจมากขึ้นตามลำดับจากการวินิจฉัยโดยเขาเริ่มมีไข้ขึ้นสูงในช่วงข้ามคืนก่อนเดินทางไปยังโรงพยาบาลทหารวอลเตอร์ รีดที่รัฐแมรีแลนด์ และมีรายงานว่าผู้นำสหรัฐฯจะยังคงอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปอีกไม่กี่วันข้างหน้า
ข่าวการป่วยของผู้นำสหรัฐฯ ได้ถูกพาดขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทั่วทั้งเอเชียและในรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย หนังสือพิมพ์แดนจิงโจ้พาดหัวเชิงล้อเลียนว่า “Life’s a bleach” หรือชีวิตของน้ำยาฆ่าเชื้อที่อ้างไปถึงคำแนะนำของทรัมป์ก่อนหน้าในการให้ประชาชนสหรัฐฯ ฉีดสารฆ่าเชื้อ (bleach) เข้าร่างกายเพื่อรักษาโรคโควิด-19 โดยมีหัวข่าวรองกล่าวว่าผู้นำสหรัฐฯมีผลการตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวกในรายละเอียด
ขณะที่รัฐบาลชาติต่างๆ ในเอเชียมีความวิตกไม่แพ้กัน สื่อฮ่องกงรายงานว่า ต่างมีความวิตกต่อสถานะของผู้นำสหรัฐฯรวมไปถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งไม่เคยมีการเลื่อนมาก่อนในประวัติศาสตร์ ทั้งนี้ สื่อ CNN ของสหรัฐฯ รายงานว่า หากมีสถานการณ์ฉุกเฉินที่ผู้นำสหรัฐฯ ไม่สามารถปฏิบัติงานได้เป็นต้นว่า ต้องเข้ารับการผ่าตัดหรือได้รับยาสลบจะมีการส่งอำนาจทางบริหารชั่วคราวไปให้กับรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ไมค์ เพนซ์ แต่ทว่าที่ผ่านมาปีกตะวันออกของทำเนียบขาวของเพนซ์ออกมายืนยันว่า ยังไม่มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้
เซาท์ไชน่า มอร์นิงโพสต์ รายงานว่า สำหรับทำเนียบสีฟ้าของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ มุน แจ-อิน ย่อมมีการเตรียมแผนสองเอาไว้สำหรับความสัมพันธ์ระหว่างโซล-วอชิงตันในกรณีที่คู่แข่ง โจ ไบเดน เกิดชนะการเลือกตั้งวันที่ 3 พ.ย.นี้ ชอย กัง (Choi Kang) รองประธานสถาบันเอเชียเพื่อการศึกษานโยบาย (Asan Institute for Policy Studies)ในกรุงโซลแสดงความเห็น ซึ่งที่ผ่านมาประชาชนชาวอเมริกันบางส่วนได้ใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าแล้ว
ชอยชี้ว่า การป่วยของทรัมป์จะกระทบต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯและนี่อาจมีผลต่อนโยบายด้านเกาหลีเหนือของสหรัฐฯ
และเขายังชี้ว่า “สำหรับรัฐบาลของมุน รัฐบาลทรัมป์ดูเหมือนจะดีกว่าเมื่อกล่าวถึงการจัดการกับเกาหลีเหนือ”
ที่ผ่านมาผู้นำเกาหลีใต้พยายามที่จะผลักดันความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ชาติเกาหลีแต่พบกับอุปสรรคทางการเมืองภายในประเทศเกิดขึ้นหลังเหตุกองกำลังทหารเกาหลีเหนือยิงเจ้าหน้าที่เกาหลีใต้ระหว่างที่พลัดหลงกลางทะเลใกล้เขตแดนทางน้ำของเกาหลีเหนือเมื่อไม่นานมานี้
ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีนันยาง (Nanyang Technological University)ชื่อดังของสิงคโปร์ โจเซฟ โลว์(Joseph Liow )แสดงความเห็นว่า การป่วยของทรัมป์ทำให้สถาณการณ์ที่ไม่แน่นอนมีความไม่แน่นอนเพิ่มมากขึ้น
รัฐบาลต่างได้ออกมาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อสอบถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับการเลือกตั้งสหรัฐฯหากว่า ทรัมป์ไม่สามารถหายป่วยได้ทันกำหนดหรือการอาการป่วยของเขาทรุดลง
ด้านมุสตาฟา อิซซุดดิน(Mustafa Izzuddin) นักวิเคราะห์อาวุโสด้านระหว่างประเทศประจำบริษัทที่ปรึกษาโซลาริสยุทธศาสตร์สิงคโปร์( Solaris Strategies Singapore) แสดงความเห็นว่า การเลื่อนการเลือกตั้งสหรัฐฯจากวันที่ 3 พ.ยออกไปเป็นสิ่งที่รัฐบาลต่างๆในชาติเอเชียแสดงความไม่เห็นด้วย และผู้นำชาติเหล่านี้ต้องการทราบว่าการเลือกตั้งสหรัฐฯจะเกิดขึ้นอย่างราบรื่นหรือไม่
“ภูมิภาคเอเชียต้องการทราบว่าใครจะเป็นผู้นำทำเนียบขาวคนใหม่เพื่อที่พวกเขาจะสามารถรับมือกับคนนั้นได้อย่างเหมาะสม” เขากล่าว ซึ่งนอกเหนือจากผลการวินิจฉัยของทรัมป์แล้วยังไม่พบผลร้ายอื่นที่กระทบต่อเอเชีย” และแสดงความเห็นว่า “ทรัมป์เป็นคนที่แปลกดังนั้นเมื่อพูดโดยรวมแล้วผมไม่คิดว่าเอเชียจะได้รับการกระทบใดจากสิ่งที่เกิดขึ้นต่อตัวเขา”
ส่วนศาสตราจารย์ด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศประจำมหาวิทยาลัยอินโดนีเซีย ฮิกมาฮานโต จูวานา(Hikmahanto Juwana) แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า การป่วยของผู้นำสหรัฐฯดูเหมือนจะส่งกระทบทางตรงเล็กน้อยต่อประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่อาจทำให้สิงคโปร์ที่ถือเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯมีความวิตกจากการที่จำเป็นต้องทราบความแน่นอนของผู้ที่ทำหน้าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
และหู เฉียว ปิง( Hoo Chiew Ping) ผู้เชี่ยวชาญด้านยุธทศาสตร์ความสัมพันธ์และการต่างประเทศประจำมหาวิทยาลัยมาเลเซียกล่าวว่า ขณะที่ผู้คนกำลังทำความเข้าใจต่อผลกระทบที่ออกมาจากข่าว แต่คำถามที่เกิดขึ้นในทันทีตรงหน้าคือจะต้องจัดการอย่างไรกับรัฐบาลในวอชิงตันและการเลือกตั้งสหรัฐฯ
มุสตาฟานักวิเคราะห์ในสิงคโปร์เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ดูเหมือนว่าชาติเอเชียต้องการที่จะให้ โจ ไบเดน คู่แข่งทรัมป์ชนะการเลือกตั้งมากกว่าจากการที่ทรัมป์ไม่ค่อยให้ความสนใจในภูมิภาคเอเชีย ขณะที่คนทั่วไปในเอเชียต่างพากันหาข่าวเกี่ยวกับการป่วยของผู้นำสหรัฐฯโดยพบว่า การเสิร์ชเกี่ยวกับทรัมป์บนกูเกิลพุ่งขึ้นสูงสุดในวันศุกร์(2)