องค์การนิรโทษกรรมสากล (Amnesty International) ประกาศระงับปฏิบัติการในอินเดียวันนี้ (29 ก.ย.) หลังถูกอายัดบัญชีธนาคาร ชี้เป็นแผน ‘ล่าแม่มด’ ของรัฐบาลนายกรัฐมนตรี นเรนทรา โมดี ซึ่งต้องการปิดกั้นการทำงานของนักสิทธิมนุษยชนในแดนภารตะ
องค์กรเอ็นจีโอต่างร้องเรียนกันมานานว่าโดนข่มขู่คุกคามจากรัฐบาลฮินดูชาตินิยมของโมดี หลังจากที่พวกเขาพยายามตีแผ่ปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนในอินเดีย ซึ่งรวมถึงในดินแดนแคชเมียร์
แอมเนสตีฯ ระบุว่าเพิ่งจะทราบเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ว่าบัญชีธนาคารในอินเดียถูกสั่งอายัด ซึ่งทำให้จำเป็นต้องปลดพนักงานออก รวมถึงยุติกิจกรรมรณรงค์และโครงการวิจัยทั้งหมด
“นี่เป็นอีกครั้งที่รัฐบาลอินเดียพยายามล่าแม่มดกับองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน โดยยัดเยียดข้อครหาที่ไม่มีมูลและมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง” แอมเนสตีฯ ระบุในถ้อยแถลง
ทางกลุ่มยืนยันว่า การถูกอายัดบัญชีนั้นไม่น่าจะใช่ “อุบัติเหตุ” อย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมาแอมเนสตีฯ ได้ตีแผ่รายงานอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นร้ายแรงโดยตำรวจระหว่างที่เกิดเหตุจลาจลในกรุงนิวเดลีเมื่อเดือน ก.พ. รวมถึงพฤติกรรมล่วงละเมิดของกองกำลังความมั่นคงอินเดียในแคชเมียร์
“การปฏิบัติต่อกลุ่มนักสิทธิมนุษยชนราวกับเป็นแก๊งอาชญากร และทำกับผู้ต่อต้านรัฐบาลเหมือนเป็นอาชญากร โดยปราศจากหลักฐานรองรับ ถือเป็นการจงใจสร้างความหวาดกลัวและปิดกั้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในอินเดีย” อาวินาช กุมาร ผู้อำนวยการแอมเนสตีฯ ประจำอินเดีย แถลง
“มันคือการกดขี่เพื่อสร้างความหวาดกลัว โดยไม่สนใจว่าการปราบปรามจะสร้างความสูญเสียต่อชีวิตมนุษย์มากแค่ไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่กำลังเกิดโรคระบาด อีกทั้งยังละเมิดเสรีภาพขั้นพื้นฐานด้านการแสดงออก, การชุมนุม และการสมาคม ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐธรรมนูญอินเดียรับรอง”
ล่าสุด รัฐบาลอินเดียยังไม่ออกมาให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับถ้อยแถลงของแอมเนสตีฯ
ที่มา: เอเอฟพี