ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกถล่มด้วยระเบิดลูกใหญ่ เมื่อสื่อทรงอิทธิพลอย่างนิวยอร์กไทมส์ เปิดโปงว่า เขาจ่ายภาษีเงินได้ในปีที่ลงเลือกตั้งและปีแรกที่อยู่ในทำเนียบขาวแค่ 750 ดอลลาร์ มิหนำซ้ำ ไม่ได้จ่ายภาษีเลยในช่วง 10 ปีจาก 15 ปีก่อนหน้านั้น โดยใช้วิธีแจ้งสรรพากร ว่า ธุรกิจขาดทุนยับเพื่อเอามาหักกลบกับรายได้จริงหลายร้อยล้านดอลลาร์ ขณะที่เจ้าตัวโต้ “ข่าวปลอม” ยันจ่ายภาษีตลอดและพร้อมเปิดเผยข้อมูลการคืนภาษี แต่ไม่บอกว่าจะเผยเมื่อไร
รายละเอียดทางด้านการเงินของ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทมส์นำมาเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.ย.) ขัดแย้งกับคำอวดอ้างของเขา ซึ่งเป็นประธานาธิบดีคนเดียวในยุคสมัยใหม่ของอเมริกาที่ไม่เปิดเผยข้อมูลภาษีให้สาธารณชนรับรู้ ที่ว่าตนเองเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจและรักชาติ เนื่องจากรายงานล่าสุดเต็มไปด้วยข้อมูลระบุการขาดทุนและรายได้ในต่างประเทศที่ขัดแย้งกับความรับผิดชอบในตำแหน่งประธานาธิบดีของทรัมป์
การเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน ระบุว่า ทรัมป์มีรายได้อย่างน้อย 434.9 ล้านดอลลาร์ ในปี 2018 แต่ในเอกสารภาษีที่ยื่นต่อสำนักงานสรรพากรกลับระบุยอดขาดทุน 47.4 ล้านดอลลาร์
เอกสารการยื่นภาษียังสะท้อนวิธีการที่นักธุรกิจพันล้านชื่อดังผู้นี้ สามารถจ่ายภาษีเพียงเล็กน้อยหรือไม่จ่ายเลย ขณะที่ชนชั้นกลางของอเมริกาจ่ายมากกว่าหลายเท่า โดยจากข้อมูลของสำนักงานสรรพากรสหรัฐฯ ระบุว่า ชาวอเมริกันจ่ายภาษีเฉลี่ยคนละ 12,200 ดอลลาร์ ในปี 2017 หรือมากกว่าที่ทรัมป์จ่ายถึง 16 เท่า
การเปิดเผยนี้ที่นิวยอร์กไทมส์ ระบุว่า มาจากข้อมูลการขอคืนภาษีของทรัมป์และของบริษัทภายในองค์กรธุรกิจของเขาในช่วงเวลากว่า 2 ทศวรรษ เกิดขึ้นขณะที่ทรัมป์เตรียมขึ้นโต้วาทีรอบแรกกับ โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตในวันอังคาร (29) และก่อนถึงกำหนดเลือกตั้งในวันที่ 3 พฤศจิกายนเพียงไม่กี่สัปดาห์
ในระหว่างแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวเมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ท่องคาถาเดิมว่า รายงานของนิวยอร์กไทมส์เป็น “ข่าวปลอม” และยืนยันว่า ตัวเองเสียภาษีในระดับรัฐ แต่ไม่บอกว่าเท่าไร ทั้งยังประกาศว่าจะเปิดเผยข้อมูลภาษี แต่ไม่ได้ระบุกำหนดเวลา เช่นเดียวกับที่เคยสัญญาไว้ตอนหาเสียงปี 2016 ซึ่งจนถึงตอนนี้ทรัมป์ยังไม่เคยเปิดเผยข้อมูลนี้เลย
ทว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ผู้นี้กลับขออำนาจศาลให้ขัดขวางความพยายามในการเข้าถึงข้อมูลการคืนภาษีของตนเองจากหน่วยงานหรือบุคคลต่างๆ ซึ่งรวมถึงสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังยื่นฟ้องเพื่อเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวของทรัมป์อันเป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบของสภา
รายงานของนิวยอร์กไทมส์ แจงว่า ในช่วง 2 ปีแรกที่เข้ารับตำแหน่ง ทรัมป์ได้เงินจากธุรกิจในต่างประเทศ 73 ล้านดอลลาร์ และจ่ายภาษีในอินเดีย 145,000 ดอลลาร์ และ 156,824 ดอลลาร์ ในฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2017 แต่ปีเดียวกันนั้นเขากลับจ่ายภาษีรายได้ในอเมริกาแค่ 750 ดอลลาร์
รายงานยังเปิดเผยวิธีการต่างๆ ที่ทรัมป์ใช้เพื่อขอลดหย่อนภาษีแบบสุดๆ เช่น ขอหักจากค่าใช้จ่ายส่วนตัว โดยรวมถึง ค่าบ้าน เครื่องบิน และค่าทำผม 70,000 ดอลลาร์ ระหว่างถ่ายทำรายการ “ดิ แอปเพรนทิซ” ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า ยอดขาดทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เขาเป็นเจ้าของ และจัดการแต่เพียงผู้เดียวจะถูกนำไปหักกลบลบกับรายได้จากการถือหุ้นใน “ดิ แอปเพรนทิซ” และนิติบุคคลอื่นๆ ที่มีเจ้าของหลายคน
นอกจากนั้น ระหว่าง 2 ปีแรกที่รับตำแหน่ง ทรัมป์ยังใช้เครดิตภาษีธุรกิจเพื่อลดมูลค่าภาษีที่ต้องจ่าย โดยนิวยอร์กไทมส์ระบุว่า เครดิตการลงทุน 9.7 ล้านดอลลาร์ ที่ทรัมป์แจ้งหลังจากขอขยายเวลาในการยื่นภาษี ทำให้เขาจ่ายภาษีแค่ 750 ดอลลาร์ ในปี 2016 และ 2017
นับจากปี 2010 ทรัมป์ยื่นเรื่องและรับภาษีเงินได้คืนรวมมูลค่า 72.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่งนิวยอร์กไทมส์ระบุว่า กลายเป็นประเด็นหลักในการตรวจสอบของสำนักงานสรรพากร ซึ่งหากมีคำตัดสินออกมาในท้ายที่สุดอาจทำให้ทรัมป์ต้องจ่ายภาษีย้อนหลังกว่า 100 ล้านดอลลาร์
ริชาร์ด นีล ประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาวิธีจัดหารายได้ของสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต ที่พยายามขอบันทึกภาษีทรัมป์มาตลอดแต่ไม่สำเร็จ กล่าวว่า รายงานของนิวยอร์กไทมส์ตอกย้ำว่า คณะกรรมาธิการของเขาจำเป็นต้องได้รับเอกสารเหล่านั้น เนื่องจากดูเหมือนทรัมป์กำลังใช้กฎหมายภาษีเพื่อประโยชน์ของตนเอง และใช้การต่อสู้ในศาลเพื่อชะลอหรือหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีตามจริง
ทว่า อลัน การ์เตน โฆษกบริษัทธุรกิจของทรัมป์ที่มีชื่อว่า ทรัมป์ ออร์กาไนเซชัน ยืนยันว่า ข้อมูลส่วนใหญ่ในรายงานของนิวยอร์กไทมส์ไม่ถูกต้อง และทรัมป์จ่ายภาษีหลายสิบล้านให้รัฐบาลนับตั้งแต่ลงสมัครเลือกตั้งในปี 2015
ทั้งนี้ ระหว่างดีเบตกับฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตในศึกชิงทำเนียบขาวปี 2016 ที่คลินตันโจมตีว่า ทรัมป์ไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลการคืนภาษี เพราะไม่ได้จ่ายภาษีเลยนั้น เจ้าตัวพูดสวนขึ้นมาว่า “ซึ่งทำให้ผมดูฉลาดมาก”
(ที่มา: รอยเตอร์/เอพี/เอเอฟพี)
