รอยเตอร์ – กองทัพอากาศจีนปล่อยคลิปวิดีโอทำเป็นภาพเสมือนว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดเอช-6 ที่สามารถติดหัวรบนิวเคลียร์ของตน เข้าโจมตีเป้าหมายซึ่งดูคล้ายฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซนของอเมริกาบนเกาะกวม ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างประเทศทั้งสองเพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งในประเด็นไต้หวัน โดยที่ทางกระทรวงกลาโหมของเกาะแห่งนี้ก็ได้ออกคำแถลงในวันจันทร์ (21 ก.ย.) ระบุว่าตนมีสิทธิ์ป้องกันตัวเองและตอบโต้การล่วงละเมิดและการคุกคาม ซึ่งดูเหมือนเป็นคำเตือนจีนที่ส่งเครื่องบินข้ามเข้าสู่น่านฟ้าไต้หวันหลายครั้งในช่วงไม่กี่วันมานี้
คลิปโจมตีเกาะกวมดังกล่าว เผยแพร่ผ่านบัญชีสื่อสังคม “เว่ยปั๋ว” ของกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนเมื่อวันเสาร์ (19) ขณะที่จีนกำลังซ้อมรบใกล้ไต้หวันเป็นวันที่ 2 เพื่อแสดงความไม่พอใจที่สหรัฐฯ ส่งเจ้าหน้าที่อาวุโสเยือนไทเปเมื่อเร็วๆ นี้
เกาะกวมซึ่งอยู่ทางซีกตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิก เป็นที่ตั้งหน่วยงานการทหารสำคัญๆ ของอเมริกา รวมถึงฐานทัพอากาศ ถือเป็นฐานปฏิบัติการสำคัญมากในการรับมือความขัดแย้งในเอเชีย-แปซิฟิก
สำหรับคลิปที่กองทัพอากาศจีนเผยแพร่ใช้ชื่อเรื่องว่า “ปฏิบัติการโจมตีของเทพเจ้าแห่งสงครามเอช-6เค!” มีความยาว 2 นาที 15 วินาที และมีดนตรีประกอบในโทนเคร่งขรึมยิ่งใหญ่คล้ายเทรลเลอร์หนังฮอลลีวูด แสดงภาพเครื่องบินทิ้งระเบิดเอช-6 ทะยานขึ้นจากฐานทัพในทะเลทราย และเมื่อถึงครึ่งทาง นักบินกดปุ่มปล่อยขีปนาวุธเล็งเป้าหมายที่รันเวย์ริมทะเลที่ไม่ระบุชื่อแห่งหนึ่ง แต่ภาพจากดาวเทียมที่ปรากฏดูเหมือนแผนผังฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซน และอยู่ๆ เสียงเพลงก็หยุดลงกะทันหันขณะที่ฉายให้เห็นภาพแผ่นดินสั่นไหวตามมาด้วยภาพระเบิดจากมุมสูง
กองทัพอากาศจีนบรรยายวิดีโอนี้ว่า “เราคือผู้ปกป้องความมั่นคงทางอากาศของมาตุภูมิ เราเชื่อมั่นและมีศักยภาพในการปกป้องความปลอดภัยบนผืนฟ้าของมาตุภูมิ”
ทั้งกระทรวงกลาโหมจีนและกองบัญชาการทหารภาคอินโด-แปซิฟิกของอเมริกา ยังไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ เกี่ยวกับวิดีโอนี้
ขณะที่คอลลิน โก๊ะห์ นักวิจัยของสถาบันการศึกษาด้านกลาโหมและยุทธศาสตร์ของสิงคโปร์ แสดงความเห็นว่า คลิปดังกล่าวต้องการเน้นย้ำศักยภาพที่เพิ่มขึ้นในการขยายกำลังอำนาจนอกดินแดนในระยะไกลของจีน เพื่อเตือนอเมริกาว่า แม้แต่ตำแหน่งที่ตั้งแนวหลังที่ดูเหมือนปลอดภัยอย่างเกาะกวม ยังอาจอยู่ภายใต้การคุกคามเมื่อเกิดความขัดแย้งในจุดร้อนภายในภูมิภาค เช่น ไต้หวันหรือทะเลจีนใต้
ในวันจันทร์ (21) กองบัญชาการเขตทหารภาคตะวันออกของจีน ซึ่งจะเป็นผู้รับผิดชอบหากจีนเปิดการโจมตีไต้หวัน ก็ได้เผยแพร่คลิวิดีโอโฆษณาชวนเชื่อของตนเอง โดยใช้ชื่อเรื่องว่า “จะเป็นยังไงถ้าสงครามระเบิดขึ้นในวันนี้?” แสดงให้เห็นพวกทหารกำลังวิ่งอยู่ในภูเขาที่มีต้นไม้แน่นหนา และการยิงขีปนาวุธแบบทิ้งตัว (ballistic missiles)
ในตอนท้ายของคลิป มีข้อความเขียนเป็นตัวหนังสือจีนสีทองขนาดใหญ่ว่า “มาตุภูมิ ข้าสาบานว่าข้าจะสู้รบเพื่อท่านจวบจนวันตายของข้า” ขณะที่มีตรงฉากหลังมีภาพของการระเบิดสนั่นหวั่นไหว
จากข้อมูลของกองทัพอากาศไต้หวันนั้น ที่ผ่านมา จีนส่งเอช-6 บินวนหรือบินเลียบไต้หวันหลายครั้ง ซึ่งรวมถึงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
เอช-6เคเป็นเครื่องบินทิ้งระเบิดรุ่นล่าสุดที่พัฒนามาจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของโซเวียตรุ่นทียู-16 ในทศวรรษ 1950
ในวันจันทร์ (21) กระทรวงกลาโหมไต้หวันออกคำแถลงระบุว่า กองทัพของตนมีสิทธิ์ป้องกันตัวเองและตอบโต้การล่วงละเมิดและการคุกคาม ซึ่งดูเหมือนเป็นคำเตือนจีนโดยตรง
ไต้หวันระบุว่า เครื่องบินทหารหลายลำของจีนได้ข้ามเส้นแบ่งเขตบริเวณช่องแคบไต้หวันและเข้าสู่เขตป้องกันทางอากาศที่ต้องมีการแสดงตนของไต้หวันหลายครั้งเมื่อวันศุกร์ (18) และเสาร์ (19) ทำให้ไต้หวันต้องส่งเครื่องบินขับไล่เข้าสกัด และประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน ของไต้หวันประณามว่า จีนเป็นภัยคุกคามของภูมิภาค
คำแถลงล่าสุดยังระบุว่า กองทัพไต้หวันได้กำหนดขั้นตอนดำเนินการที่ชัดเจนสำหรับการตอบโต้เบื้องต้นท่ามกลางการล่วงละเมิดและการคุกคามบ่อยครั้งมากจากเรือรบและเครื่องบินรบของข้าศึกในปีนี้ และสำทับว่า ไต้หวันมีสิทธิ์ป้องกันตัวเองและตอบโต้ โดยจะปฏิบัติตามแนวทางในการไม่สร้างความขัดแย้งและยุยงให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นมา
เดือนนี้จีนจัดการซ้อมรบขนาดใหญ่ใกล้ไต้หวัน โดยระบุว่า มีความจำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ ขณะที่หลายฝ่ายมองว่า มูลเหตุส่วนหนึ่งมาจากความไม่พอใจที่อเมริกาส่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงเยือนไทเปหลายครั้งเพื่อแสดงการสนับสนุนไต้หวัน ซึ่งรวมถึงการเยือนของอเล็ก อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุข เมื่อเดือนสิงหาคม และคีธ แครช ปลัดกระทรวงต่างประเทศด้านกิจการเศรษฐกิจ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
นอกจากนั้น อเมริกาที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตอย่างเป็นทางการกับไต้หวันโดยตรง แต่เป็นผู้สนับสนุนต่างชาติที่เข้มแข็งที่สุด ยังมีแผนขายอาวุธล็อตใหญ่ให้ไทเป
เมื่อวันจันทร์ (21) ไชน่าเดลี หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของทางการจีนระบุในบทบรรณาธิการของตนว่า สหรัฐฯกำลังพยายามที่จะใช้ไต้หวันเพื่อปิดล้อมสกัดกั้นจีน ทว่าใครๆ ก็ไม่ควรประเมินต่ำเกินไปเกี่ยวกับความมุ่งมั่นอันเด็ดเดี่ยวของจีนในการยืนยันอธิปไตยของตนเหนือเกาะแห่งนี้
“คณะบริหารสหรัฐฯ ไม่ควรแสดงให้เห็นถึงจิตใจอันคับแคบ จากความพยายามดิ้นรนอย่างสุดฤทธิ์เพื่อสกัดกั้นการก้าวขึ้นมาอย่างสันติของจีน และจากการหมกมุ่นอยู่ในการเสพติดความเป็นเจ้าใหญ่เหนือคนอื่นของสหรัฐฯ” บทบรรณาธิการนี้กล่าว