xs
xsm
sm
md
lg

คอลัมน์ “นอกหน้าต่าง”: ‘ทรัมป์’ เปิดเผยกับนักข่าวรุ่นใหญ่ว่า สหรัฐฯ มี ‘อาวุธนิวเคลียร์ลับสุดยอดแบบใหม่’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้ที่ชอบคุยโอ่เกี่ยวกับแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐฯ หลายครั้งหลายคราเป็นการอวดอ้างถึงอาวุธสุดล้ำน่าตื่นตาตื่นใจ ทว่าฟังแล้วก็ได้แต่รู้สึกอึ้ง

อันดับแรกเลย เป็นเรื่องเครื่องบินที่เราจะมองไม่เห็น ต่อมาก็เป็นขีปนาวุธที่ “สุดยอดเยี่ยม”

แล้วตอนนี้ คือ อาวุธนิวเคลียร์ลับสุดยอดแบบใหม่

“ผมเพิ่งสร้างนิวเคลียร์ อาวุธนะ ผมเพิ่งสร้างระบบอาวุธที่ไม่มีใครในประเทศนี้เคยได้เห็นกันมาก่อนเลย” ทรัมป์พูดเช่นนี้ในการให้สัมภาษณ์นักหนังสือพิมพ์รุ่นใหญ่ บ็อบ วูดเวิร์ด เพื่อให้นักข่าวชื่อดังผู้นี้นำไปใช้ประกอบการเขียนหนังสือเล่มใหม่ของเขา ซึ่งกำหนดออกวางจำหน่ายในวันอังคาร (15 ก.ย.) นี้

“เรามีของชนิดที่คุณต้องไม่เคยได้เห็นหรือได้ยินมาก่อน เรามีของชนิดที่ ปูติน และ สี ต้องไม่เคยได้ยินมาก่อน” ทรัมป์กล่าว โดยกำลังหมายถึงประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซีย และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน “ไม่เคยมีใครรู้เลย สิ่งที่เรามีนี่มันยอดเยี่ยมเหลือเชื่อจริงๆ”

ปรากฏว่าพวกผู้เชี่ยวชาญเรื่องอาวุธต่างกำลังพิศวงสงสัยเกี่ยวกับคำพูดนี้ของทรัมป์ บางคนคิดว่าเขาน่าจะกำลังพูดถึงหัวรบนิวเคลียร์รุ่นที่ได้รับการดัดแปลงเพื่อลดอำนาจระเบิดของมันลง โดยมีชื่อรู้จักเรียกกันว่า W76-2 แน่นอนทีเดียวว่าสำหรับสาธารณชนวงกว้างแล้ว ยังไม่รู้จักอาวุธชนิดนี้หรอก –ทว่าไม่ใช่เป็นเพราะมันเป็นความลับสุดยอดหรือลึกลับอะไร หากเนื่องจากมันยังไม่ดังยังไม่ค่อยถูกพูดถึงกันมากกว่า

เมื่อมีนักข่าวไปซักถามขอให้อธิบายขยายความสิ่งที่เขาพูดเอาไว้กับวูดเวิร์ด ทรัมป์ก็ตอบในวันพฤหัสบดี (10 ก.ย.) ที่ผ่านมา เขาไม่ขออธิบายดีกว่า

“มีระบบ (อาวุธ)ซึ่งไม่มีใครเลยรู้กันมาก่อน รวมทั้งคุณด้วย เรามีระบบ (อาวุธ) บางอย่างที่ไม่เคยมีใครรู้กันมาก่อนนะ แล้วพูดกันตรงๆ เลย ผมคิดว่าผมจะเก็บเอาไว้ให้มันเป็นยังงี้ต่อไปดีกว่า” ทรัมป์กล่าว

เจมส์ แอคตัน ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนิวเคลียร์ของ กองทุนคาร์เนกีเพื่อสันติภาพระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นคลังสมองชื่อดังทางด้านการต่างประเทศ กล่าวในการให้สัมภาษณ์เมื่อวันศุกร์ (11) ว่า ทรัมป์อาจจะกำลังพูดถึงหัวรบ W76-2 ถึงแม้การดำรงคงอยู่ของมันไม่ได้เป็นความลับอะไร ทว่าวันเวลาที่มันจะถูกนำเข้าประจำการครั้งแรกนั่นแหละคือเรื่องปกปิด

หัวรบชนิดนี้จะถูกบรรจุอยู่บนส่วนปลายของขีปนาวุธ ไทรเดนต์ II ดี-5 ซึ่งเป็นเขี้ยวเล็บของเรือดำน้ำขีปนาวุธทิ้งตัว (ballistic missile submarines) ของกองทัพเรือสหรัฐฯ

“จังหวะเวลาดูจะรับกันพอดี” แอคตันวิเคราะห์

ทรัมป์ให้สัมภาษณ์วูดเวิร์ดเรื่องนี้เมื่อวันที่ 5 ธันวาคมปีที่แล้ว อันเป็นช่วงที่หัวรบ W76-2 หัวรบแรกถูกนำเข้าประจำการ แต่ไม่ได้มีการประกาศให้สาธารณชนทราบจนกระทั่งถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์

อาวุธชนิดนี้ในตัวมันเองไม่ถือว่าเป็นสิ่งที่จะพลิกเกมหรือสั่นสะเทือนวงการอะไร กระทั่งมันยังไม่ใช่หัวรบนิวเคลียร์แบบมีแรงระเบิดต่ำเพียงแบบเดียวในคลังแสงของสหรัฐฯด้วยซ้ำไป

อย่างไรก็ตาม มันมีความหมายตรงที่เป็นอาวุธระดับสำคัญรุ่นแรกที่ถูกเพิ่มเข้าไปในกองกำลังนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของอเมริกาในรอบระยะเวลาไม่กี่สิบปีหลังๆ มานี้ และก็เป็นการแตกหักแยกขาดจากนโยบายของคณะบริหารบารัค โอบามา ซึ่งพยายามที่จะลดการพึ่งพาอาวุธนิวเคลียร์ให้น้อยลง ขณะที่เสาะแสวงหาทางสร้างโลกที่ปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ขึ้นมา ทั้งนี้ โจ ไบเดน คู่แข่งชิงทำเนียบขาวของทรัมป์ ได้แถลงแล้วว่าอาวุธชนิดใหม่นี้เป็นสิ่งที่มากเกินไป และแสดงท่าทีว่าเขาอาจจะสั่งเก็บเข้าหิ้งเข้าหีบ หากเขาชนะเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายนนี้

แอคตันกล่าวว่า ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งคือ ทรัมป์อาจจะต้องการหมายถึงอาวุธชนิดอื่นๆ ทว่าพูดให้รายละเอียดผิดๆ

“เป็นที่ชัดเจนว่าประธานาธิบดีผู้นี้ชอบอวดโอ่เกี่ยวกับสมรรถนะทางทหาร แต่ไม่ได้สามารถพูดรายละเอียดต่างๆ ได้อย่างถูกต้องแม่นยำเสมอไป” เขากล่าว

เราย่อมไม่สามารถปัดปฏิเสธเด็ดขาดไปเลยว่าสหรัฐฯไม่ได้กำลังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์รุ่นใหม่ๆ ที่ยังถือเป็นความลับสุดยอดไม่มีการแพร่งพรายต่อภายนอก อย่างไรก็ดี เราสามารถกล่าวได้ว่าเรื่องเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น ทั้งนี้ด้วยเหตุผล 2 ประการ กล่าวคือค่าใช้จ่ายของมันจะมากเกินกว่าที่จะซุกซ่อนเอาไว้เงียบๆ อยู่ในงบประมาณส่วนซึ่งไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน ส่วนอีกประการหนึ่งคือ โครงการเช่นนี้จะต้องมีผู้คนจำนวนมากเกี่ยวข้องด้วยจนเกินกว่าที่จะเก็บเป็นความลับได้เป็นเวลานานๆ

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ ทรัมป์กำลังนึกถึงอาวุธที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ในเวลาที่เขาพูดกับวูดเวิร์ด ถึงแม้เขาจะใช้คำว่า “นิวเคลียร์” ก็ตามที

ก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีผู้นี้เคยอวดอ้างอย่างน่าตื่นเต้นเกี่ยวกับอาวุธของสหรัฐฯมาแล้วหลายหนหลายครา บางครั้งก็ไปไกลเกินกว่าความเป็นจริงเอามากๆ หรือไม่ก็เน้นย้ำความสำคัญความเลิศล้ำของอาวุธเหล่านี้จนเกินเลยไปเยอะ ตัวอย่างเช่น เครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 ซึ่งสร้างด้วยเทคโนโลยีที่มุ่งทำให้ตรวจจับมันได้ยาก และโดยทั่วไปจะเรียกกันว่า “สเตลธ์” (stealth แอบซ่อนอำพราง) แต่เขาเคยพูดยืนยันว่ามัน “ไม่สามารถมองเห็นได้” (invisible)

“คุณไม่สามารถมองเห็นมันได้” ทรัมป์พูดเอาไว้เมื่อเดือนตุลาคม 2017 “คุณไม่สามารถมองเห็นมันได้ นี่ว่ากันตามตัวอักษรจริงๆ เลย มันลำบากนะที่จะสู้รบกับเครื่องบินที่คุณไม่สามารถมองเห็นมันได้”

เพียงเมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง เขายังพูดถึง เอฟ-35 ว่า “สเตลธ์ สเตลธ์กันอย่างหมดสิ้นเลย คุณไม่สามารถมองเห็นมันได้”

ทั้งนี้ เอฟ-35 ก็เหมือนกับเครื่องบินใช้เทคโนโลยีสเตลธ์รุ่นอื่นๆ อย่างเช่น เครื่องบินทิ้งระเบิด บี-2 และเครื่องบินขับไล่ เอฟ-22 ซึ่งออกแบบมาให้เรดาร์ตรวจจับได้ลำบากยากเย็นกว่ามาก เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเครื่องบินตามแบบแผนเดิมๆ ทว่าเครื่องบินเหล่านี้ไม่ใช่ไม่สามารถมองเห็นได้ และฝ่ายทหารของสหรัฐฯก็ไม่ได้เคยอ้างเลยว่ามันไม่สามารถมองเห็นได้

ทรัมป์ยังเคยระบุออกมาเป็นพักๆ ว่าเขามีความสนใจในอาวุธไฮเปอร์โซนิก (hypersonic) โดยที่บางครั้งก็ไม่ได้ใช้คำๆ นี้ รายละเอียดของอาวุธประเภทนี้ซึ่งเป็นสมรรถนะที่สหรัฐฯวางแผนเอาไว้แล้วนั้น ส่วนใหญ่ยังคงถือเป็นความลับ

เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ทรัมป์เคยพูดว่า “เรามีขีปนาวุธที่เร็วมากระดับซูเปอร์ฟาสต์— เป็นตัวเลขจำนวนซูเปอร์ฟาสต์ที่ยอดเยี่ยมมากๆ เราเรียกมันว่า “ซูเปอร์ฟาสต์” ทั้งๆ ที่มันมีความเร็วมากยิ่งกว่าขีปนาวุธธรรมดา 4 เท่า, 5 เท่า, 6 เท่า, หรือกระทั่ง 7 เท่า เราจำเป็นต้องมีพวกนี้ก็เพราะว่า อย่างว่าแหละ รัสเซียมีอยู่ในมือบ้างแล้ว”

ต่อมาในเดือนพฤษภาคม เขาพูดว่า “เราไม่มีทางเลือกอื่น เราต้องทำเรื่องนี้ เนื่องจากพวกปรปักษ์ของเรามีกัน” โดยเขาหมายถึงจีนและรัสเซีย เขากล่าวต่อไปว่า “ผมเรียกมันว่าเป็นขีปนาวุธสุดยอดเยี่ยม (the super-duper missile)” เขาบอกว่าเขา “ได้ยินมาว่า” มันเคลื่อนที่ไปได้ด้วยความรวดเร็วกว่าขีปนาวุธสหรัฐฯอื่นๆ ไม่ว่ารุ่นไหนก็ตามถึง 17 เท่า

ตามคำจำกัดความ อาวุธไฮเปอร์โซนิก หมายถึงอาวุธที่เคลื่อนที่ไปด้วยอัตราเร็วตั้งแต่ มัค (Mach) 5 ขึ้นไป นั่นคือ เร็วเป็น 5 เท่าตัวของความเร็วเสียง ขีปนาวุธอเมริกันส่วนใหญ่ อย่างเช่น พวกที่ยิงจากเครื่องบินไปสอยเครื่องบินลำอื่นๆ หรือโจมตีใส่เป้าหมายภาคพื้นดิน จะเคลื่อนที่กันด้วยความเร็วระหว่าง มัค 1 จนถึง มัค 5 ถึงแม้ขีปนาวุธทิ้งตัวข้ามทวีปแบบ มินิตแมน 3 (Minuteman 3 intercontinental ballistic missile) ซึ่งสหรัฐฯใช้งานมาหลายสิบปี สามารถไปถึงอัตราเร็วระดับไฮเปอร์โซนิกได้

(เก็บความจากเรื่อง Trump's talk of secret new weapon fits a pattern of puzzles ของสำนักข่าวเอพี)

เรือดำน้ำติดขีปนาวุธทิ้งตัว ยูเอสเอส เทนเนสซี (ภาพจากแฟ้มเผยแพร่โดยกองทัพเรือสหรัฐฯ)

เครื่องบินขับไล่ เอฟ-35 ของกองทัพสหรัฐฯ (จากบนลงล่าง) เอฟ+35 เอ ของกองทัพอากาศ, เอฟ-35 บี ของหน่วยนาวิกโยธิน, และเอฟ-35 ซี ของกองทัพเรือ (ภาพจากวิกิพีเดีย)
กำลังโหลดความคิดเห็น