xs
xsm
sm
md
lg

ชื่นมื่น! ‘ทรัมป์’ เป็นเจ้าภาพ ‘ยูเออี-บาห์เรน’ ลงนามฟื้นสัมพันธ์ ‘อิสราเอล’ ที่ทำเนียบขาว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และบาห์เรนลงนามฟื้นความสัมพันธ์กับอิสราเอลอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) กลายเป็นรัฐอาหรับกลุ่มแรกในรอบ 25 ปีที่ตัดสินใจจับมือยิวเป็นพันธมิตรทางยุทธศาสตร์เพื่อต่อต้านอิทธิพลของอิหร่าน

นายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล, ชัยค์ อับดุลเลาะห์ บิน ซายเอ็ด อัล-นาห์ยัน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศยูเออี และ อับดุลลาติฟ อัล ซายานี รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน ได้ร่วมลงนามใน ‘ความตกลงอับราฮัม’ (Abraham Accords) โดยมีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพจัดพิธีบริเวณสนามหญ้าของทำเนียบขาว

ความตกลงนี้ทำให้ยูเออีและบาห์เรนกลายเป็นประเทศที่ 3 และ 4 ในโลกอาหรับที่ยอมฟื้นสัมพันธ์ทางการทูตสู่ระดับปกติกับอิสราเอล หลังจากที่อียิปต์และจอร์แดนได้ทำข้อตกลงลักษณะเดียวกันนี้กับรัฐยิวเมื่อปี 1979 และ 1994 ตามลำดับ

ก่อนที่พิธีลงนามจะเริ่มขึ้น ทรัมป์ ได้บอกกับ เนทันยาฮู ที่ห้องทำงานรูปไข่ว่า “จะเชิญชวนอีกอย่างน้อย 5-6 ประเทศ” มาทำข้อตกลงฟื้นสัมพันธ์กับอิสราเอลให้ได้โดยเร็ว และต่อมาก็ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ‘ซาอุดีอาระเบีย’ จะเป็นรัฐริมอ่าวเปอร์เซียรายที่ 3 ที่ทำข้อตกลงยอมรับอิสราเอล “ในเวลาที่เหมาะสม”

คณะรัฐมนตรีซาอุฯ ได้ประกาศจุดยืนว่าริยาดให้ความสำคัญกับสถานะของปาเลสไตน์ และยังไม่คิดสถาปนาความสัมพันธ์กับอิสราเอลจนกว่าจะมีแนวทางแก้ปัญหาที่ “ครอบคลุมและเป็นธรรม” เสียก่อน

ซาอุดีอาระเบียเป็นมหาอำนาจรายใหญ่ที่สุดในอ่าวเปอร์เซีย และแม้ยังจะแสดงท่าทีลังเลในการจับมือกับอิสราเอล แต่การที่ริยาดไม่ประกาศคัดค้านท่าทีของยูเออีและบาห์เรนก็ถือเป็นสัญญาณที่มีนัยสำคัญไม่น้อย

ทรัมป์ ยกย่องข้อตกลงระหว่าง 3 ชาติว่า “เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้ประชาชนซึ่งมีความเชื่อและพื้นฐานแตกต่างกันสามารถอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติและมีความเจริญรุ่งเรือง” พร้อมประกาศว่าทั้ง 3 ชาติ “พร้อมที่จะร่วมมือกันฉันมิตร”

การจับมือระหว่างอิสราเอล, ยูเออี และบาห์เรน สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลร่วมเกี่ยวกับ ‘อิหร่าน’ ซึ่งยังคงเดินหน้าพัฒนาขีปนาวุธและสยายอิทธิพลในตะวันออกกลางมากขึ้นเรื่อยๆ

เจ้าหน้าที่ยูเออีและบาห์เรนยืนยันว่า การฟื้นสัมพันธ์กับอิสราเอลไม่ได้แปลว่าทั้ง 2 ชาติละทิ้งจุดยืนสนับสนุนการสถาปนารัฐปาเลสไตน์ขึ้นในเวสต์แบงก์และฉนวนกาซา แต่ถึงกระนั้นผู้นำปาเลสไตน์ก็ยังออกมาประณามทั้ง 2 ชาติว่า “ทรยศหักหลัง”

ข้อตกลงฟื้นสัมพันธ์ระหว่างอิสราเอล, ยูเออี และบาห์เรน คาดว่าจะช่วยให้ ทรัมป์ ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในกลุ่มชาวคริสเตียนอีแวนเจลิคัลที่สนับสนุนอิสราเอล ซึ่งถือเป็นฐานเสียงสำคัญของเขาในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีที่กำลังจะมาถึง


ที่มา: รอยเตอร์






กำลังโหลดความคิดเห็น