ข้อจำกัดต่างๆ ตามมาตรการล็อกดาวน์ในรัฐวิคตอเรียของออสเตรเลีย จะผ่อนคลายลงเล็กน้อยในวันจันทร์ (14 ก.ย.) ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในรัฐแห่งนี้ซึ่งเป็นจุดร้อนของการแพร่ระบาดในประเทศเริ่มลดลง
นอกจากการแถลงแพกเกจ 3,000 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (ราว 68,000 ล้านบาท) ในมาตรการช่วยเหลือทางการเงินแก่ภาคธุรกิจต่างๆ ในรัฐวิคตอเรีย ดินแดนซึ่งมีประชากรเกือบ 1 ใน 4 ของออสเตรเลีย พวกเจ้าหน้าที่ยังเผยในวันอาทิตย์ (13 ก.ย.) ด้วยว่าพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวัน 41 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม 7 ราย
ตัวเลขดังกล่าวเป็นการยืนยันแนวโน้มที่ซาลงจากระดับพีคสุดกว่า 700 คนต่อวันในช่วงต้นเดือนสิงหาคม ในขณะที่รัฐวิคตอเรีย มีจำนวนผู้ติดเชื้อคิดเป็นราวๆ 75% ของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทั้งหมดกว่า 26,000 คนของออสเตรเลีย ส่วนเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิคตอเรีย อยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวดมานานหลายสัปดาห์แล้ว
เมืองแห่งนี้จะยังอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์อันเข้มงวดต่อไป แต่จะเพิ่มเวลาที่อนุญาตให้ประชาชนออกไปใช้ชีวิตกลางแจ้งอีกเท่าตัว เป็น 2 ชั่วโมงต่อวัน และเคอร์ฟิวยามค่ำคืนจะสั้นลง 1 ชั่วโมง นับตั้งแต่วันจันทร์ (14 ก.ย.) เป็นต้นไป
“มันเป็นก้าวย่างเล็กๆ แต่ปลอดภัยและเหมาะสมอย่างที่สุด เนื่องด้วยจำนวนที่ลดลงเรื่อยๆ แต่ยังคงสูงอยู่” แดเนียล แอนดรูว์ส มุขมนตรีรัฐวิกตอเรียกล่าว
ส่วนภาคธุรกิจต่างๆ, โรงแรม, ห้างค้าปลีกและบรรดาบริษัทนำเที่ยว ซึ่งทั้งปิดบริการเต็มรูปแบบหรือยังเปิดปฏิบัติการ แต่ต้องลดระดับลงอย่างมาก จะเข้าถึงเงินช่วยเหลือและได้รับการยกเว้นภาษีผ่านแพกเกจสนับสนุนธุรกิจขนาดใหญ่ของรัฐ
“มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เพราะว่าความท้าทายที่เราต้องเผชิญ เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเช่นกัน” แอนดรูว์สกล่าว “ไม่มีใครมีความสุขกับความเป็นจริงที่่เราเผชิญ แต่พวกเราไม่เลือกหนทางอยู่เฉยกับความจริงที่เราต้องเจอ”
รัฐวิคตอเรีย คิดเป็นราว 1 ใน 4 ของผลผลิตทางเศรษฐกิจของออสเตรเลียในแต่ละปี
ในนิวเซาท์เวลส์ที่อยู่ติดกันซึ่งเป็นรัฐที่มีประชากรมากที่สุดในออสเตรเลีย และได้มีการผ่อนปรนมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมมากกว่า ส่วนผู้ค้าปลีกและร้านอาหารก็ได้รับอนุญาตให้กลับมาเปิดบริการ เจ้าหน้าที่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพียง 9 คน ในช่วง 24 ชั่วโมงจนถึงวันอาทิตย์ (13 ก.ย.)
(ที่มา : รอยเตอร์)