รอยเตอร์ - รัฐวิคตอเรีย ศูนย์กลางการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในออสเตรเลีย พบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันต่ำที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ในวันจันทร์ (24 ส.ค.) ก่อมุมมองในทางบวกว่าการแพร่ระบาดระลอกสองกำลังอ่อนแรงลงไป
ตามถ้อยแถลงในวันจันทร์ (24 ส.ค.) รัฐวิคตอเรียรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 116 คน และเสียชีวิต 15 รายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ลดลงจากระดับพีกสุดมากกว่า 700 คนเมื่อช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา
ในเดือนที่ผ่านมา ออสเตรเลียพบเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มต่อเนื่องในเมลเบิร์น เมืองเอกของรัฐวิคตอเรีย และเมืองใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของประเทศ แต่แนวโน้มของเคสผู้ติดเชื้อลดลงในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ผลจากมาตรการล็อกดาวน์โดยสิ้นเชิง
แม้มาตรการล็อกดาวน์ของเมลเบิร์น ช่วยจำกัดวงการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ขณะเดียวกันมันได้ก่อผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างรุนแรง ด้วยคาดหมายว่าอัตราคนว่างงานของออสเตรเลียน่าจะพุ่งสู่ระดับ 13% ในช่วงสิ้นเดือนกันยายน
จอช ฟรายเดนเบิร์ก รัฐมนตรีคลังของออสเตรเลีย ยอมรับว่าประชาชนเกือบครึ่งล้านคนต้องตกงานสืบเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบในเมลเบิร์น
ใน นิวซีแลนด์ ประเทศเพื่อนบ้าน ในวันจันทร์ (24 ส.ค.) เตรียมตัดสินใจว่าจะผ่อนปรนมาตรการจำกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่บังคับใช้ในเมืองโอ๊กแลนด์ปัจจุบันหรือไม่
ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างฉับพลันในโอ๊กแลนด์เมื่อสัปดาห์ก่อน กระตุ้นให้ จาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ ประกาศให้ประชาชน 1.7 ล้านคนของเมืองต้องอยู่ภายใต้มาตการล็อกดาวน์ไปจนถึงวันพุธ (26 ส.ค.) บีบให้ภาคธุรกิจต้องปิดบริการและโรงเรียนต่างๆ ต้องหยุดการเรียนการสอน
นิวซีแลนด์ ซึ่งมีประชากร 5 ล้านคน จนถึงตอนนี้เพิ่งพบผู้ติดเชื้อเพียงราวๆ 1,300 คน และเสียชีวิต 22 ราย ส่วนออสเตรเลีย พบผู้ติดเชื้อเกือบ 25,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 502 คน จากประชากรทั้งหมด 25 ล้านคน
ทั้งนี้ นิวซีแลนด์และออสเตรเลีย รอดพ้นจากอัตราการเสียชีวิตในระดับสูงซึ่งต่างจากประเทศอื่นๆ สืบเนื่องจากทั้งสองชาติบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น