มาไลตา (Malaita) ซึ่งเป็นเกาะใหญ่ที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดของหมู่เกาะโซโลมอนเตรียมจัดลงประชามติแยกตัวเป็นเอกราช โดยอ้างว่าไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลกลางเลือกตัดความสัมพันธ์กับไต้หวันและหันไปคบจีนเมื่อปีที่แล้ว
จังหวัดมาไลตาซึ่งมีประชากรราว 1 ใน 4 ของหมู่เกาะโซโลมอน และมีนโยบายเอียงข้างสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะสร้างชาติของตนเองมานานแล้ว และหากรัฐบาลกรุงโฮนีอาราไม่ยอมรับผลประชามติก็คาดว่าจะทำให้ความขัดแย้งยิ่งลุกลามบานปลาย
ดาเนียล ซุยดานี ผู้ว่าการจังหวัดมาไลตา ระบุในคำแถลงที่เผยแพร่เมื่อค่ำวานนี้ (1 ก.ย.) ว่า รัฐบาลกรุงโฮนีอาราพยายามบีบให้มาไลตายอมรับความสัมพันธ์กับจีน ทั้งที่ทราบดีว่ามาไลตาไม่เห็นด้วยกับการพลิกจุดยืนทางการทูต
“ถึงเวลาแล้วที่ชาวมาไลตาจะต้องคิดทบทวนว่า เรายังอยากเป็นส่วนหนึ่งของประเทศที่ผู้นำกลายเป็นเผด็จการหรือไม่” ซุยดานี กล่าว
“สิทธิในการกำหนดอนาคตของตนเอง (self-determination) คือหนึ่งในหลักสิทธิมนุษชนขั้นพื้นฐาน ไม่มีพลังอำนาจใดจะมาปิดกั้นไม่ให้คนกลุ่มหนึ่งทำปณิธานของพวกเขาให้เป็นจริงได้ ไม่ว่ามันจะยากลำบากหรือต้องใช้เวลานานเพียงใดก็ตาม”
สำนักงานของนายกรัฐมนตรี มานาสเซห์ โซกาวาเร แห่งหมู่เกาะโซโลมอน ยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆ ในเรื่องนี้
หลังจากที่หมู่เกาะโซโลมอนประกาศละทิ้งไต้หวันและหันไปสถาปนาความสัมพันธ์กับปักกิ่งเมื่อปีที่แล้ว รัฐบาลท้องถิ่นมาไลตาก็เริ่มหารือกับสหรัฐฯ และชาติพันธมิตรเพื่อที่จะสร้างท่าเรือน้ำลึกขึ้นมา ขณะที่ฝ่ายจีนก็ทุ่มเงินอุดหนุนโครงการพัฒนาบนเกาะกัวดัลคาแนล (Guadalcanal) ซึ่งเป็นที่ตั้งเมืองหลวงของหมู่เกาะโซโลมอน
กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันและรัฐบาลท้องถิ่นมาไลตาบอกกับรอยเตอร์ว่า ข้อพิพาทระหว่างจังหวัดมาไลตากับรัฐบาลหมู่เกาะโซโลมอนเริ่มปะทุรุนแรงเมื่อไม่นานมานี้ หลังความช่วยเหลือด้านการแพทย์ที่ไทเปส่งมายังมาไลตาถูกรัฐบาลกรุงโฮนีอารายึดไว้
ที่มา: รอยเตอร์