รอยเตอร์/เซาท์ไชนา มอร์นิงโพสต์ - รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร (1 ก.ย.) ตอบโต้กลับองค์การอนามัยโลก (WHO) ที่แสดงความกังวลต่อกรณีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอเมริกาออกมาเผยว่าอาจอนุมัติวัคซีนไวัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) โดยปราศจากการทดลองโดยสมบูรณ์ ในขณะที่ประชาชนชาวสหรัฐฯ เองก็มีข้อวิตกเกี่ยวกับประสิทธิผลและผลกระทบข้างเคียง ด้วยผลสำรวจความคิดเห็นล่าสุดมีถึง 1 ใน 3 ที่บอกว่าจะไม่ฉีดวัคซีน แม้นหากวัคซีนถูกผลิตออกมาแล้วก็ตาม
“สหรัฐฯ จะเดินหน้าประสานความร่วมมือกับพันธมิตรระหว่างประเทศ เพื่อรับประกันว่าเราสามาถกำราบไวรัสนี้ แต่เราจะไม่ยอมถูกบังคับโดยองค์กรพหุภาคีใดๆ ที่อยู่ภายใต้อิทธิพลขององค์การอนามัยโลกผู้คอร์รัปชันและจีน” โฆษกทำเนียบขาวระบุในถ้อยแถลง “ประธานาธิบดีจะไม่รีรอในการใช้จ่ายใดๆ เพื่อรับประกันว่าวัคซีนใหม่ใดๆที่ผ่านการทดลองอย่างละเอียด จะคงไว้ซึ่งมาตรฐานความปลอดภัยและประสิทธิผลชั้นเลิศขององค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ และปกป้องชีวิตผู้คน”
สเตีเฟน ฮาห์น คณะกรรมาธิการองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (30 ส.ค.) ว่าองค์การอาหารและาเตรียมอนุมัติวัคซีนโคโรนาไวรัสตัวหนึ่ง ก่อนที่การทดลองทางคลินิกขั้น 3 หรือขั้นสุดท้าย จะสิ้นสุดลง ตราบใดที่เจ้าหน้าที่เชื่อมั่นว่ามันจะมีประโยชน์เหนือกว่าความเสี่ยงต่างๆ
เมื่อวันจันทร์ (31 ส.ค.) เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลกเตือนว่าความเคลื่อนไหวเร็วเกินไปในกรณีทำให้วัคซีนสามารถเข้าถึงได้อย่างกว้างขวางนั้นจะก่อความเสี่ยงมากมาย “ถ้าคุณเร่งรีบฉีดวัคซีนให้ประชาชนหลายล้านคนเร็วเกินไป คุณอาจพลาดผลกระทบเลวร้ายบางอย่าง” ไมค์ ไรอัน ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายโครงการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลกกล่าว
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยวิพากษ์วิจารณ์องค์การอนามัยโลกต่อแนวทางรับมือกับโรคระบาดใหญ่ กล่าวหาหน่วยงานของสหประชาชาติแห่งนี้ให้ความสำคัญกับจีนมากเกินไป และออกคำแนะนำแย่ๆ จากนั้นในเดือนพฤษภาคม ทรัมป์ประกาศว่าสหรัฐฯ จะตัดความสัมพันธ์กับองค์กรแห่งนี้
เสียงเตือนขององค์การอนามัยโลกมีขึ้น ในขณะที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนพบว่ามีพลเมืองสหรัฐฯถึง 1 ใน 3 ที่จะปฏิเสธวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ครั้งที่มันถูกผลิตออกมา ส่งผลให้อเมริกากลายเป็นหนึ่งในชาติที่เคลือบแคลงสงสัยต่อวัคซีนโควิด-19 มากที่สุดในโลก
ผลสำรวจของสำนักโพล Ipsos MORI ที่จัดทำให้กับเวิลด์ อีโคโนมิก ฟอรัม พบว่ามีผู้ตอบแบบสอบถามในสหรัฐฯ ถึง 33% ที่ "ไม่เห็นด้วยอยู่บ้าง" หรือ "ไม่เห็นด้วยเลย" กับคำถามที่ว่า "หากวัคซีนโควิด-19 พร้อมใช้งานแล้ว คุณจะรับวัคซีนหรือไม่"
มีเพียง 2 ใน 3 ของผู้ตอบแบบสอบถามที่บ่งชี้ว่าพวกเขาจะรับวัคซีนโควิด-19 โดยในนั้น 32% บอกว่า "เห็นด้วยอยู่บ้าง" และ 35% ระบุว่าเห็นด้วยอย่างมาก กับการเข้ารับการฉีดวัคซีน
ผลสำรวจของ Ipsos MORI สดอคล้องกับผลสำรวจก่อนหน้านี้ที่จัดทำโดย Marist Poll และ Gallup ซึ่งพบว่าอเมริกันชน 35% จะไม่รับวัคซีนโคโรนาไวรัส หากว่ามันพร้อมใช้งานแล้ว
ในผลสำรวจระหว่างประเทศ พบว่าประเทศที่ประชาชนมีความตั้งใจรับวัคซีนโควิด-19 น้อยที่สุดคือรัสเซีย โดยมีชาวรัสเซียถึง 46% ที่ไม่เอาวัคซีน ในนั้น 24% บอกว่าไม่เห็นด้วยบ้างกับการฉีดวัคซีน และ 22% ไม่เห็นด้วยเลย แม้ว่าเมื่อเดือนที่แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เผยว่าประเทศของเขาสามารถพัฒนาวัคซีนโคโรนาไวรัสที่มีประสิทธิผลสำเร็จแล้ว และหวังว่ามันจะเข้าสู่การผลิตจำนวนมากเร็วๆ นี้
ประเทศที่ประชาชนมีความตั้งใจเข้ารับวัคซีนมากที่สุดได้แก่ จีน ดินแดนที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้น โดยมีถึง 97% ที่บ่งชี้ว่าจะเข้ารับวัคซีน และมีเพียง 3% ที่ไม่อยากฉีดวัคซีน
ย้อนกลับมาที่สหรัฐฯ ผลสำรวจพบว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามชาวอเมริกา ให้เหตุผลของการปฏิเสธวัคซีน คือกังวลเกี่ยวกับผลกระทบข้างเคียงของมัน ขณะที่ 37% ไม่เชื่อในประสิทธิผลของมัน และ 20% บอกว่าพวกเขาต่อต้านวัคซีนโดยทั่วไปอยู่ก่อนแล้ว นอกจากนี้แล้วยังมีอีก 19% รู้สึกว่าตนเองไม่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเข้ารับวัคซีน
ทั้งนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามสามารถบอกเหตุผลได้มากกว่า 1 อย่าง