xs
xsm
sm
md
lg

ปักกิ่งประณามมะกัน‘ใช้หลักเหตุผลทรราช’ ขึ้นบัญชีดำบริษัทและคนจีนที่ช่วยสร้างเกาะเทียมในทะเลจีนใต้ ด้านนายใหญ่เพนตากอนประกาศไม่ยอมเสียภูมิภาคนี้ “แม้แต่นิ้วเดียว”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 6 ก.ค. 2020 และเผยแพร่โดยกองทัพเรือสหรัฐฯ)  เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส โรนัลด์ เรแกน (ลำหน้า) และ เรือบรรทุกเครื่องบิน ยูเอสเอส นิมิตซ์ (ลำหลัง) นำหมู่เรือโจมตีของแต่ละฝ่ายแล่นแปรขบวนร่วมกัน ในน่านน้ำทะเลจีนใต้  ทั้งนี้จีนคัดค้านเป็นประจำเกี่ยวกับกิจกรรมทางนาวีของสหรัฐฯในทะเลแห่งนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีการปฏิบัติการเกี่ยวข้องกับนาวีของประเทศอื่นๆ
เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ปักกิ่งตอบโต้เดือดในวันพฤหัสบดี (27 ส.ค.) ประณามวอชิงตันกำลังใช้ “หลักเหตุผลแบบทรราช” ในการขึ้นบัญชีดำเพื่อแซงก์ชั่นบริษัทและบุคคลของจีนระลอกล่าสุด โดยอ้างเรื่องที่แดนมังกรถมทะเลก่อสร้างเกาะเทียมหลายๆ แห่งในน่านน้ำทะเลจีนใต้

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯประกาศในวันพุธ (26) ขึ้นบัญชีดำบริษัทรัฐวิสาหกิจของจีนรวม 24 แห่ง และบุคคลชาวจีนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งมิได้มีการระบุชื่อ เพื่อจะได้ดำเนินการลงโทษคว่ำบาตรต่อไป โดยกล่าวอ้างว่า สืบเนื่องจากบริษัทและบุคคลเหล่านี้มีส่วนร่วมในการก่อสร้างเกาะเทียมแห่งต่างๆ ในทะเลจีนใต้

ในเรื่องนี้ เจ้า ลี่เจียน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนได้ตอบโต้ระหว่างการแถลงข่าวตามปกติเมื่อวันพฤหัสบดีว่า การก่อสร้างเหล่านี้ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการที่จีนเพิ่มแสนยานุภาพทางทหารตามที่ฝ่ายสหรัฐฯกล่าวหา หากแต่เป็นการกระทำภายในขอบเขตแห่งอธิปไตยทางดินแดนของแดนมังกร

“ถ้อยคำของสหรัฐฯในเรื่องนี้ เป็นการแทรกแซงอย่างเลวร้ายในกิจการภายในของประเทศจีน ... มันเป็นหลักเหตุผลแบบทรราชและการเมืองแบบใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างแท้จริง” เจ้าบอก

“จีนจะใช้มาตรการต่างๆ อันหนักแน่นเพื่อธำรงรักษาสิทธิและผลประโยชน์ต่างๆ อันชอบธรรมของบริษัทจีนและบุคคลชาวจีน”

ตามประกาศของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯนั้น บริษัทรัฐวิสาหกิจจีนที่ถูกขึ้นบัญชีคราวนี้ มีดังเช่น บริษัทในเครือหลายแห่งของ ไชน่า คอมมิวนิเคชั่นส์ คอนสตรักชั่น คอมพานี ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ด้านการก่อสร้าง, พวกบริษัทสื่อสารโทรคมนาคม, และกิจการในเครือของกลุ่มต่อเรือ ไชน่า ชิปบิวดิ้ง กรุ๊ป

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯกล่าวว่า บริษัทเหล่านี้ “ทำให้จีนสามารถก่อสร้างและเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารตามที่มั่นกลางทะเลต่างๆ ซึ่งมีข้อพิพาทอยู่กับประเทศอื่นๆ ในทะเลจีนใต้”

ขณะที่ ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ออกคำแถลงฉบับหนึ่งเสริมว่า “ตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นมา สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ใช้พวกรัฐวิสาหกิจของตนทำการขุดลอกพื้นที่และถมทะเลพวกลักษณะภูมิศาสตร์ต่างๆ (features) ซึ่งเป็นข้อพิพาทกับชาติอื่นๆ อยู่ในทะเลจีนใต้ รวมแล้วเป็นเนื้อที่มากกว่า 3,000 เอเคอร์ , สั่นคลอนเสถียรภาพของภูมิภาคนี้, เหยียบย่ำสิทธิอธิปไตยของชาติเพื่อนบ้านของตน, และก่อให้เกิดความหายนะทางสิ่งแวดล้อมอย่างเหลือที่จะกล่าว”

จากการที่บริษัททั้ง 24 แห่งถูกขึ้นบัญชี “Entity List” ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะเปิดทางให้ทางกระทรวงสั่งห้ามส่งออกสินค้าสหรัฐฯและวัสดุต่างๆ ของสหรัฐฯไปให้แก่บริษัทเหล่านี้

นอกจากนั้น พอมเพโอบอกว่า พวกบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการเหล่านี้ในทะเลจีนใต้ ก็จะถูกสั่งห้ามไม่ให้ได้รับวีซ่าเข้าสหรัฐฯ

(ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 10 ก.ค. 2020  รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ก เอสเพอร์
กลาโหมสหรัฐฯ-จีนก็ซัดกันนัว

ในอีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่ด้านกลาโหมของสหรัฐฯกับจีนก็เกิดการปะทะคารมกัน โดยที่นายใหญ่เพนตากอนประกาศว่าสหรัฐฯจะไม่ยอมสูญเสีย “แม้แต่นิ้วเดียว” ในแปซิฟิก แล้วฝ่ายจีนแหย่กลับคืนว่า วอชิงตันกำลังนำเอาชีวิตของทหารมาเสี่ยง

รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ มาร์ก เอสเพอร์ กล่าวที่ฮาวายเมื่อวันพุธ (26) ว่า ปักกิ่งกำลังดำเนินแผนการสร้างกองทัพให้ทันสมัยของตนอย่างแข็งกร้าว ในความพยายามที่จะแผ่อำนาจไปทั่วโลก

“เพื่อที่จะผลักดันวาระของพรรคคอมมิวนิสต์จีนให้คืบหน้าไป กองทัพปลดแอกประชาชนจีนจึงกำลังดำเนินแผนการสู่ความทันสมัยอย่างแข็งกร้าว เพื่อบรรลุถึงความเป็นระดับโลกทางด้านการทหารภายในกลางศตวรรษนี้” เอสเพอร์กล่าว

“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นี่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับพฤติการณ์ยั่วยุของกองทัพปลดแอกประชาชนจีนทั้งในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก ตลอดจนที่ใดก็ตามซึ่งรัฐบาลจีนเล็งเห็นว่ามีความสำคัญยิ่งยวดต่อผลประโยชน์ของตน”

อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯยังคงต้องการที่จะ “ทำงานกับสาธารณรัฐประชาชนจีนต่อไปด้วยความหวังว่าจะสามารถนำพวกเขากลับมายังเส้นทางโคจรซึ่งอยู่ในแนวเดียวกันมากยิ่งขึ้นกับระเบียบระหว่างประเทศที่อิงอยู่กับระเบียบกฎเกณฑ์” เอสเพอร์กล่าวต่อ

ในการกล่าวปราศรัยก่อนเริ่มต้นการตระเวนเยือนภูมิภาคแถบนี้ เอสเพอพูดถึงภูมิภาคที่สหรัฐฯตั้งชื่อให้ใหม่ว่าอินโด-แปซิฟิกนี้ ว่าเป็นจุดศูนย์กลางของ “การแข่งขันแบบมหาอำนาจยิ่งใหญ่กับประเทศจีน”

เขากล่าวต่อไปว่า “เราไม่ได้กำลังจะยอมสละภูมิภาคนี้ (ไม่ยอมสละ) พื้นที่แม้สักนิ้วเดียว –ถ้าหากคุณคุณปรารถนาจะพูดเช่นนั้น—ไปให้แก่อีกประเทศหนึ่ง ประเทศอื่นๆ แห่งไหนก็ตามทีที่คิดว่า รูปแบบรัฐบาลของพวกเขา, ทัศนะของพวกเขาต่อเรื่องสิทธิมนุษยชน, ทัศนะของพวกเขาต่อเรื่องอธิปไตย, ทัศนะของพวกเขาต่อเรื่องเสรีภาพของสื่อมวลชน, เสรีภาพทางศาสนา, เสรีภาพในการรวมกลุ่มกัน, ทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้ พวกเขามีความดีงามกว่าสิ่งต่างๆ จำนวนมากที่เรามีอยู่ร่วมกัน”

ทางด้านปักกิ่ง กระทรวงกลาโหมของจีนได้แถลงโจมตีกลับไปยัง “นักการเมืองสหรัฐฯบางคน” ซึ่งกำลังสร้างความเสียหายให้แก่สายพันธ์ทางทหารระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ในช่วงก่อนหน้าจะถึงเดือนพฤศจิกายน
เพื่อให้ได้รับผลดีสำหรับพวกเขาเองอย่างเห็นแก่ตัว แม้กระทั่งการหาทางก่อให้เกิดการปะทะกันทางทหารขึ้นมา

“ความประพฤติประเภทนี้จะทำให้ชีวิตของนายทหารและพลทหารในแนวหน้าของทั้งสองฝ่ายต้องตกอยู่ในความเสี่ยง” อู่ เชียน โฆษกกระทรวงกลาโหมจีนกล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการแถลงข่าวประจำเดือนของกระทรวงเมื่อวันพฤหัสบดี

จีนไม่ได้หวาดกลัว “การยั่วยุและการบีบคั้น” จากสหรัฐฯ  และจะพิทักษ์ปกป้องตนเองอย่างเด็ดเดี่ยว
อีกทั้งจะไม่ยินยอมให้สหรัฐฯสร้างความยุ่งยากขึ้นมา เขากล่าวต่อ

“เราวาดหวังว่าฝ่ายสหรัฐฯจะหันมายอมรับอย่างแท้จริงเกี่ยวกับวิสัยทัศน์ของการมองในทางยุทธศาสตร์
มองดูการพัฒนาของจีนด้วยท่าทีที่เปิดกว้างและมีเหตุมีผล และปล่อยหล่มโคลนดูดแห่งความวิตกกังวลและความสับสนยุ่งเหยิงเอาไว้เบื้องหลัง”


กำลังโหลดความคิดเห็น