เอเจนซีส์ – รัฐบาลเกาหลีใต้เรียกร้องให้ภาคธุรกิจอนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน หลังยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รายวันพุ่งทุบสถิติสูงสุดตั้งแต่เดือน มี.ค. พร้อมเตือนความเสี่ยงที่เชื้อจะแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนตามคอลล์เซ็นเตอร์และโกดังสินค้าต่างๆ
ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งเกาหลีใต้ (KCDC) แถลงจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รวมทั้งสิ้น 441 รายในรอบ 24 ชั่วโมงวันนี้ (27 ส.ค.) ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดนับจากต้นเดือน มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่เกาหลีใต้เผชิญการระบาดเป็นวงกว้างระลอกแรก
แม้การกลับมาของโควิด-19 ครั้งนี้จะเกี่ยวข้องกับกิจกรรมในโบสถ์และการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลเมื่อช่วงต้นเดือน ส.ค. เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ล่าสุดทางการได้ออกมาเตือนความเป็นไปได้ที่ไวรัสจะแพร่กระจายในสถานที่ทำงาน
“กรุณาตรวจสอบปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างละเอียดรอบคอบ หากสถานที่ทำงานของท่านมีสภาพแวดล้อมที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ เช่น คอลล์เซ็นเตอร์ และโกดังสินค้าต่างๆ” พัค นึงฮู รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ให้สัมภาษณ์
“เพื่อลดการแพร่เชื้อในสถานที่ทำงาน ขอให้ท่านปรับช่วงเวลางานให้มีความยืดหยุ่นขึ้นเพื่อจำกัดจำนวนพนักงานในออฟฟิศ โดยอาจจะให้พนักงานทำงานจากที่บ้านและสลับเวลาทำงาน”
เกาหลีใต้เคยพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อนที่คอลล์เซ็นเตอร์แห่งหนึ่งเมื่อเดือน มี.ค. และต่อมาในเดือน มิ.ย. ก็มีผู้ติดเชื้อไม่ต่ำกว่า 100 รายที่เชื่อมโยงกับโกดังสินค้าของบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ คูปัง คอร์ป (Coupang Corp)
พัค เผยว่า ผู้ติดเชื้อใหม่กว่า 80% ในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาอาศัยอยู่ในกรุงโซลและเขตปริมณฑล และส่วนใหญ่พบว่ามีความเชื่อมโยงกับกิจกรรมทางศาสนาในโบสถ์หรือการชุมนุมทางการเมือง
จำนวนผู้ป่วยใหม่ล่าสุดทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในเกาหลีใต้ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 18,706 ราย เสียชีวิต 313 ราย และมีผู้ป่วย 933 รายที่เชื่อมโยงกับกิจกรรมของโบสถ์แห่งหนึ่งในกรุงโซล
ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กลับมาแพร่ระบาดในเกาหลีใต้ช่วงนี้เป็นสายพันธุ์ที่พบมากในยุโรป, อเมริกาเหนือ และตะวันออกกลาง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่ามีความรุนแรงกว่าไวรัสที่กำเนิดในเมืองอู่ฮั่นของจีนประมาณ 6 เท่า
ยุน แทโฮ เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขเกาหลีใต้ ระบุว่า ทางกระทรวงได้ส่งรายชื่อพลเมืองอย่างน้อย 51,000 คนที่เชื่อมโยงกับการชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ให้หน่วยงานของแต่ละท้องถิ่นรับทราบแล้ว
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขยอมรับว่า มีความเป็นไปได้ที่เกาหลีใต้จะนำมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระดับสูงสุดกลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งหมายความว่าภาคธุรกิจและสถานศึกษาต่างๆ อาจต้องปิดตัวลงชั่วคราว