รอยเตอร์ – คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติไม่รับญัตติของสหรัฐฯ ซึ่งเสนอให้ขยายมาตรการปิดล้อมด้านอาวุธต่ออิหร่านเมื่อวานนี้ (14 ส.ค.) ขณะที่ประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียเสนอให้มีการจัดประชุมซัมมิตผู้นำทั่วโลกเพื่อ “หลีกเลี่ยงการเผชิญหน้า” หลังจากที่สหรัฐฯ ขู่จะโน้มน้าวให้ยูเอ็นฟื้นมาตรการคว่ำบาตรต่อเตหะราน
รัสเซียและจีนยกมือคัดค้านการขยายมาตรการปิดล้อมด้านอาวุธต่ออิหร่าน ซึ่งกำลังจะหมดอายุลงในเดือน ต.ค. นี้ตามเงื่อนไขข้อตกลงควบคุมนิวเคลียร์ปี 2015 ระหว่างอิหร่านกับกลุ่มชาติมหาอำนาจ ในขณะที่ฝ่ายโหวต ‘เยส’ มีเพียงสหรัฐฯ กับสาธารณรัฐโดมินิกันเท่านั้น ส่วนรัฐสมาชิกที่เหลืออีก 11 ประเทศ ซึ่งรวมถึงสมาชิกถาวรอย่างฝรั่งเศส, เยอรมนี และอังกฤษ งดออกเสียง
“ความล้มเหลวของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นที่จะปกป้องสันติภาพและความมั่นคงของโลกอย่างเด็ดเดี่ยว เป็นสิ่งที่อภัยให้ไม่ได้” ไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุในถ้อยแถลง ขณะที่ จาง จุน เอกอัครราชทูตจีนประจำยูเอ็น ยกย่องมติครั้งนี้ว่า “เป็นอีกครั้งที่การกระทำฝ่ายเดียว (unilateralism) ไม่ได้รับเสียงสนับสนุน และการกดขี่ข่มเหงจะไม่มีวันสำเร็จ”
หลังจากนี้คาดว่าสหรัฐฯ อาจเรียกร้องให้ยูเอ็นฟื้นมาตรการคว่ำบาตรอิหร่านทั้งหมด โดยอาศัยกลไกที่เรียกว่า ‘snapback’ ตามข้อตกลงนิวเคลียร์ แม้ว่า ทรัมป์ จะนำสหรัฐฯ ถอนตัวออกไปตั้งแต่ปี 2018 แล้วก็ตาม
นักการทูตหลายคนเชื่อว่าสหรัฐฯ อาจจะเริ่มกระบวนการนี้ในสัปดาห์หน้า แต่ก็จะต้องเผชิญอุปสรรคขัดขวางอย่างมากเช่นกัน
ทั้งนี้ แรงกดดันจากสหรัฐฯ ให้ยูเอ็นฟื้นคว่ำบาตรอิหร่านอาจส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของข้อตกลงนิวเคลียร์ปี 2015 เนื่องจากอิหร่านจะไม่มีแรงจูงใจให้จำกัดกิจกรรมนิวเคลียร์อีกต่อไป โดยก่อนหน้านี้รัฐบาลเตหะรานก็เริ่มละเมิดเงื่อนไขบางอย่างในข้อตกลงไปแล้ว เพื่อตอบโต้ที่สหรัฐฯ ถอนตัวและนำมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวกลับมาใช้ใหม่
“หากคณะมนตรีความมั่นคงสั่งคว่ำบาตรหรือบังคับใช้ข้อจำกัดใดๆ ต่ออิหร่าน เราก็พร้อมจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างไม่จำกัด และสหรัฐฯ หรือองค์กรใดก็ตามที่สนับสนุนหรือเห็นด้วยกับพฤติกรรมที่ผิดกฎหมายนี้จะต้องรับผิดชอบไปเต็มๆ” มาจีด ตักห์ ราวันชี เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำยูเอ็น ระบุ
ปูติน ยื่นข้อเสนอวานนี้ (14) ว่าจะเปิดการประชุมทางไกลกับผู้นำสหรัฐฯ และรัฐภาคีในข้อตกลงนิวเคลียร์ที่เหลืออีก 5 ประเทศ ซึ่งได้แก่ อังกฤษ ฝรั่งเศส จีน เยอรมนี และอิหร่าน เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าในเวทียูเอ็นซึ่งอาจจะทำให้สถานการณ์ยิ่งลุกลามบานปลาย
ทำเนียบเอลีเซ่ยืนยันว่า ประธานาธิบดี เอมมานูแอล มาครง แห่งฝรั่งเศสพร้อมที่จะเข้าร่วมการประชุมซัมมิตผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับรัสเซียและชาติที่เกี่ยวข้อง ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ให้สัมภาษณ์ว่า “พอได้ยินมาบ้าง แต่ยังไม่ได้รับแจ้ง”
สหรัฐฯ อ้างว่ามีสิทธิ์ใช้กลไก snapback เนื่องจากมติของคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นว่าด้วยข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่านยังคงระบุว่าสหรัฐฯ เป็นภาคีในข้อตกลง ทว่ารัฐภาคีอื่นๆ ล้วนแต่ไม่เห็นด้วย