รอยเตอร์ - สถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐปารานาของบราซิล ประกาศวานนี้ (12 ส.ค.) ว่าจะเริ่มผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่รัสเซียพัฒนาและรับรองการใช้งานเป็นชาติแรกของโลกภายในครึ่งหลังของปี 2021 หลังจากที่รัฐปารานาได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับมอสโกเป็นที่เรียบร้อย
รัสเซียประกาศตัวเป็นชาติแรกในโลกที่อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ท่ามกลางข้อกังขาจากผู้เชี่ยวชาญตะวันตกที่แสดงความกังวลเรื่องความปลอดภัย และเตือนว่ารัสเซียควรจะรอให้วัคซีนผ่านกระบวนการทดสอบขั้นสุดท้ายในคนจำนวนมากเสียก่อน
สถาบันเทคโนโลยีแห่งรัฐปารานา (Tecpar) ระบุว่า อาจจะมีการนำเข้าวัคซีนจากรัสเซียเร็วกว่าที่กำหนด หากได้รับการอนุมัติจากสำนักงานเฝ้าระวังด้านสุขภาพแห่งชาติของบราซิล หรือ Anvisa
Tecpar ได้ลงนามข้อตกลงความร่วมมือกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของรัสเซีย (Russian Direct Investment Fund - RDIF) ซึ่งระบุในถ้อยแถลงว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อ “ดำเนินการผลิตและแจกจ่ายวัคซีน ‘สปุตนิก-วี’ ในบราซิล รวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคละตินอเมริกา”
ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขบราซิล และเจ้าหน้าที่อาวุโสด้านการกำกับควบคุม ยอมรับเมื่อวันอังคาร (11) ว่า พวกเขาห่วงเรื่องความปลอดภัยในการใช้วัคซีนตัวนี้ เนื่องจากยังไม่ผ่านการทดสอบเฟส 3 ในคนจำนวนมากๆ ซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่จำเป็นสำหรับการพัฒนาวัคซีน
ทั้งนี้ บราซิลอยู่ระหว่างทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนต้านโควิดหลายตัว ขณะที่กระทรวงสาธารณสุขออกมาเผยวานนี้ (12) ว่าอาจจะมีการสั่งซื้อวัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) มากกว่า 100 ล้านโดส
ฮอร์เก คัลลาโด ผู้อำนวยการ Tecpar ระบุในงานแถลงข่าวว่า ทางสถาบันยังรอให้รัสเซียส่งผลการทดสอบวัคซีนเฟส 1 และ 2 มาให้ และเข้าใจว่ามอสโกยังคงเดินหน้าการทดลองในเฟสที่ 3 อยู่ ซึ่งรัฐปารานาอาจจะมีส่วนร่วมทดสอบด้วยหากได้ไฟเขียวจาก Anvisa
เซียร์เก อาโกปอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำบราซิล กล่าวในพิธีลงนาม MOU ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์จากกรุงบราซิเลียว่า ความร่วมมือกับรัฐปารานาในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อ “ช่วยเหลือซึ่งกันและกันในด้านการพัฒนา, ทดสอบ ซึ่งจะนำไปสู่การผลิตวัคซีนได้ในที่สุด” โดยสถานทูตรัสเซียยังอยู่ระหว่างเจรจาทำข้อตกลงลักษณะเดียวกันนี้กับรัฐบาเอีย (Bahia) ด้วย
รัฐบาลบราซิลประกาศว่าคุณยายของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ‘มิเชล โบลโซนารู’ เพิ่งจะเสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่ประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ก็เคยมีผลตรวจไวรัสเป็นบวกเมื่อเดือน ก.ค. ทว่าอาการดีขึ้นจนหายเป็นปกติแล้ว
บราซิลมีการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่รุนแรงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกา โดยข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์นฮอปกินส์วันนี้ (13) พบว่ามีผู้ป่วยสะสมกว่า 3.1 ล้านคน เสียชีวิตแล้วราว 103,000 คน
