รอยเตอร์ - จิมมี ไล (Jimmy Lai) เจ้าพ่อธุรกิจสื่อฮ่องกง ถูกตำรวจจับฐานต้องสงสัย ‘สมคบคิดต่างชาติ’ ถือเป็นความผิดตามกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ที่เริ่มบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา และนับเป็นบุคคลผู้มีชื่อเสียงที่สุดของฮ่องกงที่ถูกจับภายใต้กฎหมายนี้
ไล วัย 71 ปี เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์แทบล็อยด์ ‘แอปเปิล เดลี’ ถือเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนขบวนการเรียกร้องประชาธิปไตยฮ่องกงที่มีชื่อเสียง และยังเป็นนักวิจารณ์ปักกิ่งตัวยง
สำหรับกฎหมายความมั่นคงที่จีนนำมาใช้กับฮ่องกงนั้น กำหนดโทษสูงสุดจำคุกตลอดชีวิตสำหรับความผิดฐานล้มล้างการปกครอง, แบ่งแยกดินแดน, ก่อการร้าย และสมคบคิดต่างชาติ ซึ่งผู้ที่ไม่เห็นด้วยมองว่าเป็นการกดขี่เสรีภาพในเกาะกึ่งปกครองตนเองแห่งนี้ ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนเชื่อว่ากฎหมายความมั่นคงจะช่วยฟื้นฟูเสถียรภาพให้กลับคืนมา หลังจากฮ่องกงต้องเผชิญกับเหตุชุมนุมประท้วงที่ยืดเยื้อและรุนแรงเมื่อปีที่แล้ว
“จิมมี ไล กำลังถูกจับข้อหาสมคบคิดกับมหาอำนาจต่างชาติตอนนี้” มาร์ก ไซมอน หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงของ เน็กซ์ ดิจิทัล (Next Digital) ซึ่งเป็นธุรกิจสื่อของ ไล ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา (10)
แอปเปิล เดลี รายงานว่า ไล ถูกตำรวจฮ่องกงคุมตัวออกจากบ้านบ้านในย่านโฮมานทิน (Ho Man Tin) ตั้งแต่เช้า ส่วนบุตรชายคนหนึ่งของเขาที่ชื่อ เอียน (Ian) ก็ถูกจับด้วยเช่นกัน
ด้านหนังสือพิมพ์เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์รายงานโดยไม่ระบุแหล่งข่าวว่า จะมีคนถูกจับอีกประมาณ 10 คนในวันนี้
ไล เคยถูกจับมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อต้นปีนี้ฐานเข้าร่วมการชุมนุมผิดกฎหมายพร้อมกับแกนนำเรียกร้องประชาธิปไตยคนอื่นๆ โดยเป็นคดีที่เกี่ยวโยงกับการประท้วงเมื่อปีที่แล้ว
เขาให้สัมภาษณ์กับรอยเตอร์เมื่อเดือน พ.ค. ว่าจะยังคงปักหลักอยู่ในฮ่องกงเพื่อต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยต่อไป แม้รู้ว่าตนเองคือหนึ่งในเป้าหมายที่รัฐบาลจีนจ้องใช้กฎหมายความมั่นคงเล่นงานก็ตาม
ก่อนหน้านี้ มีนักเคลื่อนไหวฮ่องกงถูกจับฐานละเมิดกฎหมายความมั่นคงไปแล้ว 15 ราย ในจำนวนนี้รวมถึงนักศึกษาอายุระหว่าง 16-21 ปีที่โพสต์ข้อความปลุกระดมผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้เกิดการล้มล้างอำนาจรัฐและแบ่งแยกดินแดนฮ่องกงเมื่อเดือนที่แล้ว
กฎหมายความมั่นได้สร้างความหวั่นวิตกและส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของชาวฮ่องกงจำนวนไม่น้อย คนหนุ่มสาวที่ต่อต้านรัฐบาลจำใจต้องยุติการเคลื่อนไหว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม ฮ่องกง เนชันแนล ฟรอนต์ ซึ่งมีเป้าหมายเรียกร้องเอกราช รวมถึงกลุ่มเดโมซิสโต (Demosisto) ของ โจชัว หว่อง ซึ่งหนุนการปฏิรูปประชาธิปไตยในฮ่องกง ขณะที่นักเคลื่อนไหวบางรายถึงขั้นหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ
การป่าวร้องสโลแกนกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ส่วนเพลงและกิจกรรมบางอย่าง เช่น การยืนจับมือเรียงกันเป็นโซ่มนุษย์ (human chains) ก็ถูกสั่งห้ามในสถานศึกษา และหนังสือบางเล่มถูกนำออกจากชั้นวางในห้องสมุดสาธารณะ
ทางการจีนและฮ่องกงยืนยันว่าจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายนี้เพื่ออุดช่องโหว่ในด้านความมั่นคงของชาติ และยืนยันว่าไม่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของประชาชนชาวฮ่องกง แต่จะใช้จัดการกับ “พวกที่ก่อปัญหา” กลุ่มเล็กๆ เท่านั้น
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7) สหรัฐฯ ได้ประกาศคว่ำบาตรนาง แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดฮ่องกง รวมถึงอดีตผู้บัญชาการตำรวจฮ่องกง 2 นายและเจ้าหน้าที่ระดับสูงอีก 8 คน ฐานมีส่วนในการลิดรอนเสรีภาพทางการเมืองของชาวฮ่องกง
สำนักงานผู้ประสานงานจีนประจำฮ่องกงออกมาวิจารณ์คำสั่งคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ว่าเป็น “เรื่องน่าขำ” ซึ่งไม่มีทางทำให้ชาวจีนรู้สึกหวั่นกลัวได้
คำสั่งคว่ำบาตรจะมีผลทำให้ทรัพย์สินในสหรัฐฯ ของเจ้าหน้าที่ฮ่องกงกลุ่มนี้ถูกอายัด และยังห้ามพลเมืองอเมริกันทำธุรกิจกับบุคคลเหล่านี้
ลัม ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากปักกิ่งยืนยันผ่านสื่อท้องถิ่นว่า เธอไม่ได้มีทรัพย์สินในสหรัฐฯ อยู่แล้ว และล่าสุดยังประกาศจะยกเลิกวีซ่าสหรัฐฯ ซึ่งจะหมดอายุในปี 2026 เพื่อประชดที่โดนคว่ำบาตรด้วย