รอยเตอร์ – ชาวเลบานอนบางส่วนเรียกร้องให้ปักหลักประท้วงเพื่อโค่นล้มผู้นำ ท่ามกลางความโกรธแค้นจากกรณีระเบิดอย่างรุนแรงที่ท่าเรือในกรุงเบรุตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่ผู้นำศาสนาคริสต์นิกายมาโรไนต์เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีลาออก
ผู้ประท้วงต้องการให้รัฐบาลลาออกเนื่องจากเห็นว่า การเพิกเฉยต่อหน้าที่เป็นต้นเหตุของเหตุระเบิดร้ายแรงเมื่อวันอังคาร (4 ส.ค.) และความไม่พอใจนี้ลุกลามกลายเป็นความรุนแรงกลางกรุงเบรุตเมื่อวันเสาร์ (8 ส.ค.)
พระอัยกาเบชารา บูทรอส-อัล-ราอี ผู้นำศาสนาคริสต์นิกายมาโรไนต์ในเลบานอน เรียกร้องในวันอาทิตย์ (9 ส.ค.) ให้คณะรัฐมนตรีลาออก ถ้าไม่สามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารปกครองเพื่อฟื้นฟูประเทศได้
มานาล อับเดล ซาหมัด รัฐมนตรีสารสนเทศยื่นใบลาออกในวันอาทิตย์ โดยอ้างอิงการระเบิดและความล้มเหลวของรัฐบาลในการดำเนินมาตรปฏิรูป
ทั้งนี้ มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายสิบคนในการประท้วงเมื่อวันเสาร์ ซึ่งถือเป็นการประท้วงครั้งใหญ่ที่สุดนับจากเดือนตุลาคมที่ประชาชนหลายพันคนชุมนุมต่อต้านการทุจริต ธรรมาภิบาลเสื่อม และการบริหารประเทศผิดพลาด
ประชาชนราว 1,000 คนรวมตัวกันที่จัตุรัสมาร์เทอร์สและปะทะกับตำรวจในช่วงค่ำ ขณะที่ผู้ประท้วงพยายามฝ่าแนวกั้นริมถนนเพื่อไปยังรัฐสภา ผู้ประท้วงบางคนบุกเข้าไปในกระทรวงต่างๆ รวมถึงสมาคมธนาคารเลบานอน
ตำรวจปราบจลาจลยิงแก๊สน้ำตาใส่ผู้ประท้วงซึ่งขว้างก้อนหินและประทัดตอบโต้ บางคนถูกหามขึ้นรถพยาบาล และตำรวจเสียชีวิต 1 นาย ด้านสภากาชาดเผยว่า รักษาผู้บาดเจ็บ 117 คนจากการประท้วงในวันเสาร์ และมีอีก 55 คนต้องนำส่งโรงพยาบาล ขณะเดียวกันมีรายงานว่า มีรถติดปืนกลพร้อมทหารไปจอดอยู่ด้านข้างจัตุรัสมาร์เทอร์สเมื่อวันอาทิตย์
มายา ฮาบลิ ทนายความหญิงที่ไปสำรวจท่าเรือหลังเหตุระเบิด ชักชวนประชาชนปักหลักชุมนุมบนถนนจนกว่ารัฐบาลจะยอมลงจากอำนาจ ทั้งนี้ เหตุระเบิดเมื่อวันอังคารทำให้มีผู้เสียชีวิต 158 คน สูญหาย 21 คน และบาดเจ็บกว่า 6,000 คน นอกจากนั้นยังทำให้อาคารบ้านเรือนมากมายในกรุงเบรุตเสียหาย ท่ามกลางปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองที่รุมเร้ามานานหลายเดือน
นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแถลงว่า สาเหตุการระเบิดมาจากแอมโมเนียมไนเตรท 2,750 ตันที่จัดเก็บไว้ในโกดังที่ท่าเรือนาน 6 ปีโดยไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัย และรัฐบาลประกาศจะหาตัวคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้มาลงโทษ
ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส จัดการประชุมทางไกลกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา และผู้นำทางการเมืองคนอื่นๆ เพื่อขอรับบริจาคเข้ากองทุนฉุกเฉินช่วยเหลือเลบานอนโดยมีสหประชาชาติให้การรับรอง
เหตุระเบิดในเบรุตเกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจและโรคระบาด ทำให้หลายคนนึกถึงสงครามกลางเมืองปี 1975-1990 ที่ทำให้เลบานอนแตกเป็นเสี่ยงและเบรุตเสียหายอย่างหนัก
มารูน เชฮาดี เล่าว่า ทำงานในเลบานอนมา 15 ปีเพื่อเก็บเงินเปิดร้านกิฟต์ชอป แต่กลับถูกทำลายราบคาบจากเหตุระเบิด และสำทับว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจนกว่าบรรดาผู้นำจะออกไป
เอลี ยัซแบ็ก ผู้จัดการบริษัทแฟชั่นที่สำนักงานใหญ่ขนาด 10 ชั้นถูกระเบิดทำลาย เห็นด้วยว่า เหตุการณ์นี้นำเลบานอนถอยหลังกลับไปอีก 50 ปี และว่าประเทศนี้เผชิญวิกฤตการณ์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงเวลาแล้วที่รัฐบาลจะลาออกไปเพื่อเปิดทางให้ผู้มีความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศแทน