เดลิเมล์ - ร้านไทยร็อค ในพอตส์พอยต์ กลายเป็นร้านอาหารไทยแห่งที่ 2 ในซิดนีย์ ออสเตรเลีย ที่มีความเชื่อมโยงกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) หลังพบพนักงานคนหนึ่งมีผลตรวจออกมาเป็นบวก โหมกระพือความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอกสองในเมืองแห่งนี้
สำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ เรียกร้องใครก็ตามที่เข้าไปรับประทานอาหารที่ร้านไทยร็อค ในเขตพอตส์พอยต์ มากกว่า 2 ชั่วโมง ระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม ถึง 25 กรกฎาคม ให้ไปเข้ารับการตรวจเชื้อ ส่วนคนอื่นๆ ที่ไปรับประทานอาหารที่ร้านหลังจากวันเวลาดังกล่าว ก็ขอให้กักกันโรคตนเองเป็นเวลา 2 สัปดาห์
เคสผู้ติดเชื้อใหม่นี้ก่อความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดระลอก 2 ของโควิด-19 ในซิดนีย์ ที่อาจลุกลามสู่ฟากตะวันออก หลังจากก่อนหน้านี้สามารถควบคุมให้มันจำกัดอยู่ในย่านต่างๆทางตะวันตกของเมืองเป็นส่วนใหญ่
ทั้งนี้ สำนักงานสาธารณสุขรัฐนิวเซาท์เวลส์ ได้เริ่มแกะรอยผู้สัมผัสใกล้ชิดเพื่อยืนยันแหล่งต้นตอของการแพร่ระบาดกลุ่มก้อนใหม่
นอกจากร้านไทยร็อค ในพอตส์พอยต์ แล้ว ยังมีร้านอาหารทางตะวันตกของซิดนีย์อีก 2 แห่งที่ต้องออกประกาศเตือนลูกค้าเกี่ยวกับการกักกันโรค หลังจากพบผู้ติดเชื้อ 2 คน เข้ามารับประทานอาหารที่ร้านเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ลูกค้าที่เข้าไปรับประทานอาหารที่ร้าน Tan Viet Noodle House ในคาบรามัตตา ระหว่าง 13.00-14.00 น. ของวันที่ 22 กรกฎาคม และร้านอาหารแห่งหนึ่งในแบงก์สทาวน์ ระหว่าง 09.00-11.00 น. ในวันที่ 23 กรกฎาคมม ได้รับแจ้งให้ทำการกักกันโรคตนเอง
รัฐนิวเซาท์เวลส์ พบผู้ติดเชื้อใหม่ 14 คนในวันอาทิตย์ (26 ก.ค.) โดย 6 คนในนั้น มีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มก้อนผู้ติดเชื้อที่ไทยร็อค ที่เขตเวเทอริลล์ พาร์ค ร้านอาหารไทยแห่งแรกที่เชื่อมโยงกับโควิด-19 อีก 2 คนเชื่อมโยงกับโบสก์ โบสถ์อาว เลดี้ ออฟ เลบานอน ในสวนสาธารณะแฮร์รี และ 4 คนเกี่ยวข้องกับกลุ่มก้อนผู้ติดเชื้อที่เชื่อมโยงกับพิธีศพหนึ่งมที่โบสถ์คาทอลิก เซนต์ เบรนแดน ในแบงค์สทาวน์ เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว
จากข้อมูลจนถึงวันอาทิตย์ (26 ก.ค.) ทางรัฐนิวเซาท์เวลส์ มีผู้ติดเชื้อสะสม 3,479 คน โดยในนั้น 249 คน ถูกพบในช่วง 21 วันหลังสุด
กระทรวงสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ บอกว่า คำแนะนำหลีกเลี่ยงการเดินทางที่ไม่จำเป็น และการรวมตัวกันของคนหมู่มากยังมีผลบังคับใช้อยู่ “เรามีความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการแพร่เชื้อในสถานที่ต่างๆ อย่างเช่น โรงแรมและร้านอาหาร โรงยิมและสถานที่ร่วมกลุ่มทางสังคม จงพิจารณาสวมหน้ากากในสถานการณ์ต่างๆ ที่คุณไม่อาจเว้นระยะห่างได้ โดยเฉพาะยามอยู่ในร่ม”