เอเอฟพี - พวกผู้ประท้วงไหลบ่าสู่ท้องถนนสายต่างๆ ทั่วสหรัฐฯ ข้ามคืนจากคืนวันเสาร์ (25 ก.ค.) เข้าสู่ช่วงเช้าวันอาทิตย์ (26 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น บางพื้นที่เกิดการปะทะกับตำรวจและเกิดเหตุยิงกันเสียชีวิตในรัฐเทกซัส ท่ามกลางระลอกคลื่นแห่งความโกรธแค้น ต่อกรณีที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีแผนส่งกองกำลังความมั่นคงจากส่วนกลางลงไปปราบอาชญากรรมตามเมืองต่างๆ
ระลอกใหม่แห่งประท้วงต่อต้านเหยียดผิวและการกระทำรุนแรงของตำรวจ ซึ่งโหมกระพือขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน ตามหลังการเสียชีวิตด้วยน้ำมือตำรวจของ จอร์จ ฟลอยด์ ชายชาวอเมริกันเชื้อสายแอฟริกัน เกิดขึ้นในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังเผชิญการต่อสู้อันยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ในการรักษาเก้าอี้ผู้นำไว้อีกสมัย เช่นเดียวกับพยายามสร้างภาพลักษณ์ของตัวเองในฐานะผู้รักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย
ทรัมป์ ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างแข็งกร้าวจากบรรดานายกเทศมนตรีของเมืองใหญ่ๆ จำนวนมากมาจากพรรคเดโมแครต โดยพวกเขากล่าวหาทรัมป์ กำลังโหมกระพือปัญหาให้ลุกลามบานปลายเพื่อประโยชน์ทางการเมือง
ลอรี ไลต์ฟูท นายกเทศมนตรีเมืองชิคาโก กล่าวว่า “ผมขีดเส้นใต้ตัวหนาๆ เลยว่า เราจะไม่อนุญาตให้ทหารจากส่วนกลางเข้ามายังเมืองของเรา” เขาบอกกับซีเอ็นเอ็น “เราจะไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ที่ไม่ทราบตัวตนเข้ามาพาผู้คนของเราออกจากถนน มาละเมิดสิทธิของพวกเขาและนำตัวพวกเขาไปคุมขัง”
พวกผู้ประท้วงพากันเดินขบวนในเมืองออสติน รัฐเทกซัส เช่นเดียวกับที่เมืองหลุยส์วิลล์ ในรัฐเคนทักกี, ในนิวยอร์ก, ในเมืองโอมาฮา รัฐเนแบรสกา, เมืองโอ๊คแลนด์ และ ลอสแองเจลิสของแคลิฟอร์เนีย และเมืองริชมอนด์ในเวอร์จิเนีย
ในออสติน มีชายคนหนึ่งเสียชีวิตในเหตุยิงกันซึ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงค่ำวันเสาร์ (25 ก.ค.) ระหว่างการประท้วงที่ย่านกลางเมืองของเมืองเอกแห่งรัฐเทกซัส
ผู้เห็นเหตุการณ์เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากมีชายคนหนึ่งขับรถขึ้นไปบนถนน บริเวณที่มีพวกผู้ประท้วงรวมตัวกันอยู่และขับรถพุ่งเข้าหาฝูงชน
รถยนต์คันดังกล่าวถูกพวกผู้ประท้วงปิดล้อมและตะโกนด่าทอด้วยความแค้น และหนึ่งในนั้นได้เดินเข้าหารถพร้อมกับปีนไรเฟิล แต่ระหว่างนั้นคนขับชักปืนออกมานอกหน้าต่างรถ แล้วกราดยิงหลายนัด โดนชายคนที่ถือปืนไรเฟิล ก่อนเหยียบคันเร่งขับรถหนีไป
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ตำรวจสามารถควบคุมตัวผู้ก่อเหตุเอาไว้ได้ พร้อมเผยว่าเขาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่สืบสวนเป็นอย่างดี
ในซีแอตเติล ตำรวจจับกุมผู้คน 45 ราย ระหว่างค่ำคืนแห่งการประท้วงรุนแรง ซึ่งพวกผู้ชุมนุมพากันจุดไฟเผารถบรรทุกพ่วงหลายคันที่จอดไว้บริเวณไซต์งานก่อสร้างแห่งหนึ่ง ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างศูนย์กักกันเยาวชน
พวกผู้ประท้วงพากันกรีดยางรถและทุบกระจกรถบรรทุกพ่วง กระตุ้นให้ตำรวจต้องประกาศสถานการณ์จลาจล และใช้สเปรย์พริกไทยและระเบิดแสงเจ้าเคลียร์ถนนสายต่างๆ
จากซีแอตเติล ลงไปทางใต้ ตำรวจและกองกำลังจากส่วนกลางยิงแก๊สน้ำตาและใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมของพวกผู้ประท้วงที่มารวมตัวกันเป็นคืนที่ 2 ติดต่อกัน ต่อเนื่องจนถึงเช้าวันอาทิตย์ (26 ก.ค.)
ตำรวจเข้าสลายการชุมนุม หลังจากพวกผู้ประท้วงกลุ่มหนึ่งพยายามโค่นแนวรั้วที่กั้นรอบๆ อาคารสำนักงานศาลกลางแห่งหนึ่ง
เมืองพอร์ทแลนด์คือ ศูนย์กลางแห่งประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับการใช้กองกำลังความมั่นคงจากส่วนกลางเข้าปราบปรามผู้ชุมนุมตามคำสั่งของทรัมป์ แม้ว่ามันจะมีเสียงคัดค้านจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ด้วยหลายฝ่ายมองว่ามันมีลักษณะเหมือนเผด็จการ
การชุมนุมเมื่อวันเสาร์ (25 ก.ค.) เริ่มต้นอย่างสันติ ด้วยฝูงชนพากันเล่นดนตรีและเต้นรำ เป่าฟองสบู่และนำกุหลาบแดงไปติดกับแนวรั้ว ทว่าความสงบยุติลงในเวลาไม่นานหนัก หลังพวกผู้ประท้วงบางส่วนเอาเชือกไปมัดกับแนวรั้วของอาคารศาลของเมือง ในความพยายามดึงให้มันพังลงมา กระตุ้นให้เจ้าหน้าที่ต้องยิงแก๊สน้ำตาตอบโต้
ตำรวจพอร์ทแลนด์ ต้องประกาศให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นเขตจลาจล ออกคำสั่งให้ผู้ประท้วงออกนอกบริเวณ ก่อนร่วมมือกับกองกำลังความมั่นคงจากส่วนกลาง เข้าเคลียร์พื้นที่