xs
xsm
sm
md
lg

In Clip: ศาลสูงมาเลเซียสั่ง “นาจิบ” จ่ายคืนภาษี 1.69 พันล้านริงกิต “มหาเธร์” ฟันธง! เชื่อต้องการกลับมาเป็นนายกฯรอบใหม่

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รอยเตอร์/เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ศาลสูงกัวลาลัมเปอร์วันนี้ (22 ก.ค.) พิพากษาให้อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นาจิบ ราซัค จ่ายเงินจำนวน 1.69 พันล้านริงกิต หรือราว 397.41 ล้านดอลลาร์ สำหรับภาษีค้างจ่ายตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่อยู่ในตำแหน่ง ด้านอดีตผู้นำมาเลเซีย มหาเธร์ โมฮัมหมัด ชี้ เชื่อนาจิบต้องการกลับมาเป็นนายกฯรอบใหม่ หากถูกตัดสินไม่ผิด และในวันเดียวกัน ผู้พิพากษามาเลเซียออกคำพิพากษากลับคำตัดสินลงโทษเฆี่ยนตีมุสลิมโรฮิงญา 27 คน ที่หนีเข้าเมืองหลังนักเคลื่อนไหวออกมาประณามความป่าเถื่อน


รอยเตอร์รายงานวันนี้ (27 ก.ค.) ว่า ศาลสูงกรุงกัวลาลัมเปอร์ออกคำพิพากษาให้อดีตนายกรัฐมนตรี นาจิบ ราซัค ต้องจ่ายคืนหนี้ภาษีรายได้บุคคลจำนวน 1.69 พันล้านริงกิต หรือราว 397.41 ล้านดอลลาร์ ให้กับรัฐบาลมาเลเซียสำหรับการค้างจ่ายตลอดระยะเวลา 7 ปีที่อยู่ในตำแหน่ง

ทั้งนี้ มีรายงานว่า ไม่พบว่านาจิบที่จะมีอายุครบ 67 ปี ในวันพรุ่งนี้ (23) ปรากฏตัวต่อหน้าศาลเพื่อรับฟังคำพิพากษา อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์สเตรทไทม์สของสิงคโปร์

ผู้พิพากษาศาลสูงมาเลเซีย อาห์หมัด บาเช (Ahmad Bache) กล่าวในคำตัดสินว่า อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซียไม่ได้รับการยกเว้นจากการไม่ต้องจ่ายภาษี และนาจิบต้องชำระหนี้คืนให้กับรัฐบาลมาเลเซีย อ้างอิงจากสำนักข่าวเบอร์นามาของมาเลเซีย

ทั้งนี้ พบว่า เจ้าหน้าที่สรรพากรมาเลเซียได้ยื่นเรื่องฟ้องทางกฎหมายเมื่อมิถุนายนปีที่แล้ว เพื่อเรียกคืนภาษีที่ยังคงค้างของนาจิบระหว่างปี 2011-2017 รวมค่าปรับและดอกเบี้ย และพบว่าอดีตผู้นำแดนเสือเหลืองได้รับเวลา 60 วัน ในการจ่ายคืนหนี้ภาษีแต่เขาไม่ได้ทำตาม

รอยเตอร์ชี้ว่า นาจิบ ราซัค ดำรงตำแหน่งในฐานะนายกรัฐมนตรีมาเลเซียระหว่างปี 2009-2018 และเขาเป็นผู้ก่อตั้งร่วมกองทุนมั่งคั่ง 1MDB ที่อื้อฉาวที่มีเงินจำนวน 4.5 พันล้านดอลลาร์ ถูกขโมยออกไป

ด้านอดีตผู้นำมาเลเซียที่ทำให้นาจิบต้องตกจากอำนาจ มหาเธร์ โมฮัมหมัด ให้สัมภาษณ์กับมาเลเซีย อินไซต์ ล่าสุดว่า เชื่อว่า นาจิบ ราซัค จะพยายามกลับมาอีกครั้ง เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซียรอบใหม่ หากว่าในสัปดาห์หน้าเขาถูกตัดสินว่าไม่มีความผิดในคดีคอร์รัปชันและการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับ SRC International

“หากว่าเขาถูกพบว่าไม่มีความผิด ผมเชื่อว่าเขาจะต้องการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง” และเสริมว่า “แต่หากว่าเขาแพ้คดี แน่นอนที่สุดว่าเขาจะต้องขาดคุณสมบัติ”

นอกจากนี้ ในการให้สัมภาษณ์ยังมีการกล่าวไปถึงการเลือกตั้งล่วงหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นภายในปีนี้จากการที่ผู้นำมาเลเซียคนปัจจุบัน มูห์ยิดดิน ยัสซิน ต้องการได้เสียงรับรองจากประชาชน โดยมหาเธร์กล่าวว่า “กล่าวโดยทั่วไปสมาชิกพรรคอัมโนรู้สึกว่าทางพรรคสมควรเป็นผู้นำจากการที่พวกเขามีเสียงสนับสนุน ซึ่งในความเป็นจริงคนเหล่านี้ได้บอกกับเบอร์ซาตู (Bersatu) ว่า ถึงแม้ว่าเวลานี้จะร่วมเป็นรัฐบาลด้วยกัน แต่พวกเขาต้องการแข่งกับเบอร์ซาตูในการเลือกตั้งครั้งหน้า”

มหาเธร์ยังฝากความหวังดีไปยังยัสซิน โดยชี้ว่า ในเวลานี้ตำแหน่งนายกฯของยัสซินนั้น ไม่มั่นคง พิสูจน์ได้จากผลในรัฐสภาสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ PN ได้ไปแค่ 133 เสียงสนับสนุนจากทั้งหมด 222 เสียง มหาเธร์กล่าววิจารณ์ยัสซินว่า “จากความพยายามที่ต้องการให้อยู่ในอำนาจด้วยการใช้วิธีการที่ไม่ค่อยเป็นประชาธิปไตย ซึ่งรวมไปถึงกดดันพรรคตัวเองเพื่อให้สนับสนุนเขาและทำถึงขั้นใช้เงินเพื่อโน้มน้าวใจผู้คนให้สนับสนุนเขา”

และในวันเดียวกัน (22) ผู้พิพากษาศาลสูงในเมืองอลอร์สตาร์ (Alor Setar) เมืองเอกของรัฐเกอดะฮ์กลับคำตัดสินคำสั่งให้ลงโทษเฆี่ยนมุสลิมโรฮิงญา 27 คนที่ลักลอบเข้าประเทศผิดกฎหมาย ทนายความ คอลลิน แอนดรูว์ (Collin Andrew) ให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี

ทั้งนี้ พบว่า ผู้อพยพโรฮิงญาเหล่านี้เดินทางเข้ามาเลเซียทางเรือมาตั้งแต่เดือนเมษายน แต่กลับถูกส่งเข้าเรือนจำและแต่ละคนถูกลงโทษด้วยการโบย 3 ครั้ง

ผู้พิพากษาได้กล่าวในคำตัดสินในการยกเลิกโทษการเฆี่ยนตีผู้อพยพเข้าเมืองเหล่านี้ว่า กลุ่มคนเหล่านี้เป็นชาวโรฮิงญาซึ่งเป็นผู้อพยพที่จำเป็นต้องการได้รับการปกป้องจากประชาคมโลก เนื่องมาจากการถูกกดขี่ที่พวกเขาต้องเผชิญ

นอกจากนี้ ผู้พิพากษายังชี้ว่า เป็นความป่าเถื่อนที่ลงโทษคนเหล่านั้นด้วยวิธีโบยตีสำหรับกลุ่มคนที่ไม่ใช่ผู้กระทำผิดโดยสันดานและไม่ได้แสดงความรุนแรงให้เห็น

ทั้งนี้ กลุ่มองค์การนิรโทษกรรมสากลแอมเนสตี และกลุ่มฮิวแมนไรท์วอชได้ออกมาเรียกร้องไม่ให้เจ้าหน้าที่มาเลเซียทำการลงโทษผู้อพยพ

หลังจากที่ผู้อพยพรับโทษจำคุกในเรือนจำ 7 เดือนแล้วคนเหล่านี้จะได้รับอนุญาตให้อาศัยอยู่ในมาเลเซียแต่ต้องขึ้นทะเบียนกับสหประชาชาติ เอเอฟพีรายงาน





กำลังโหลดความคิดเห็น