เอเจนซีส์ - พบชาวเมืองเดลีเกือบ 1 ใน 4 ติดโควิด ทำให้กลัวกันว่า อาจมีผู้ติดเชื้อในอินเดียมากกว่าตัวเลขอย่างเป็นทางการ ซึ่งขณะนี้ทะลุ 1 ล้านคนไปแล้ว ขณะที่ทรัมป์อวดอ้างว่า รัฐบาลทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการต่อสู้กับโรคระบาด แต่ยอมรับว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงกว่าเดิม ก่อนที่จะดีขึ้นในภายหลัง ด้านรัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียพบเคสใหม่รายวันเกือบ 500 คน ทุบสถิติเดิมช่วงเดือนมีนาคม
สุจิต กุมาร สิงห์ ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติของอินเดีย เปิดเผยเมื่อวันอังคาร (21 ก.ค.) ว่า การสุ่มตรวจประชาชนกว่า 20,000 คนในเมืองเดลี พบผู้ที่มีแอนติบอดีต้านทานไวรัสโคโรนาถึง 23.48% ซึ่งหากปรับตามผลบวกหรือลบผิดพลาด ก็จะคาดได้ว่า เมืองนี้มีประชากรถึง 22.36% ติดเชื้อโควิด-19
เมืองเดลีที่มีประชากร 29 ล้านคน รายงานจำนวนผู้ติดเชื้ออย่างเป็นทางการไว้ที่ 123,747 คน และเสียชีวิต 3,663 คน อย่างไรก็ดี การศึกษานี้บ่งชี้ว่า อาจมีผู้ติดเชื้อมากกว่า 6.6 ล้านคน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้รับการะบุหรือการตรวจ
ขณะนี้ อินเดียมีผู้ติดเชื้อกว่า 1 ล้านคน โดยข้อมูลล่าสุดจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ของอเมริกา ระบุว่า วันจันทร์ที่ผ่านมา (20) พบผู้ติดเชื้อเพิ่มในอินเดีย 37,000 คน ลดลงเล็กน้อยจากกว่า 40,000 คนในวันอาทิตย์ (19 ก.ค.)
อินเดียเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากโรคระบาดรุนแรงที่สุดอันดับ 3 ของโลก รองจากอเมริกาที่มีผู้ติดเชื้อ 3.9 ล้านคน และบราซิล 2.16 ล้านคน อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบสถิติของสองประเทศนี้กับตัวเลขเฉลี่ยทั่วโลก พบว่า เปอร์เซ็นต์ผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาของอินเดียต่ำกว่ามาก โดยยอดรวมในวันอังคารอยู่ที่ 28,084 คน และจำนวนผู้ที่หายป่วย 724,577 คน
จายาปรากาช มุลลิยิล นักระบาดวิทยาของวิทยาลัยการแพทย์คริสเตียนในเมืองเวลลอร์ทางใต้ของอินเดีย ที่ให้คำแนะนำรัฐบาลเกี่ยวกับการเฝ้าระวังไวรัส ตั้งข้อสังเกตว่า ผลสำรวจของศูนย์ควบคุมโรคแห่งชาติเป็นแค่ค่าเฉลี่ย และจำนวนผู้ติดเชื้ออาจสูงกว่าที่มีการรายงานในบางพื้นที่ อาทิ สลัม
ที่อเมริกา ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปลี่ยนจุดยืนต่อวิกฤตโรคระบาดอย่างชัดเจนระหว่างการแถลงข่าวสถานการณ์ไวรัสครั้งแรกในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาเมื่อวันอังคาร โดยผู้นำสหรัฐฯ อวดอ้างว่า รัฐบาลทำงานได้อย่างยอดเยี่ยมในการต่อสู้กับโรคระบาด แต่ยอมรับว่า สถานการณ์จะเลวร้ายลงก่อนที่จะดีขึ้น
หลังจากเผชิญกับจำนวนผู้ติดเชื้อที่พุ่งขึ้นไม่หยุด คำวิจารณ์เรื่องความเป็นผู้นำ และคะแนนนิยมที่ดิ่งลงก่อนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนพฤศจิกายน ทรัมป์จึงพยายามระมัดระวังทั้งท่าทีและคำพูดมากขึ้นระหว่างการแถลงข่าวที่กินเวลาไม่ถึง 30 นาที โดยเรียกร้องให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากาก และให้สัญญาว่า คณะบริหารกำลังวางกลยุทธ์เพื่อเอาชนะไวรัส
ขณะเดียวกัน ออสเตรเลียพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มขึ้นทำสถิติ ขณะที่ประเทศเข้าสู่การระบาดรอบสอง โดยในรัฐวิกตอเรียที่เมืองเอก คือ เมลเบิร์นถูกล็อกดาวน์ครั้งใหม่ มีรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 484 คนในวันอังคาร สูงกว่าสถิติเดิมในเดือนมีนาคมที่ 469 คน และหลังเที่ยงคืนวันพุธ (22 ก.ค.) จะเริ่มบังคับให้ประชาชนในเมลเบิร์นต้องสวมหน้ากากในที่สาธารณะ ส่วนรัฐนิวเซาธ์เวลส์ที่อยู่ติดกับรัฐวิกตอเรีย พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นสูงสุด 18 คน ส่วนรัฐควีนส์แลนด์พบเคสใหม่ 1 คน
ขณะที่จีนพบผู้ติดเชื้อใหม่ 14 คนในวันอังคาร เพิ่มจาก 11 คนเมื่อวันจันทร์ โดย 9 คนอยู่ในมณฑลซินเจียง อีก 5 คนเดินทางมาจากต่างประเทศ
เมื่อวันอังคาร รัฐบาลอังกฤษเผยว่า ให้เงินสนับสนุนโครงการวัคซีนต่อต้านไวรัสโคโรนาที่เป็นไปได้ 12 โครงการทั่วโลก ข่าวนี้ออกมาพร้อมกับรายงานว่า คนจีน 2 คน คือ หลี่ เสี่ยวหยู วัย 34 ปี และ ต่ง เจี่ยจื้อ วัย 33 ปี ถูกอเมริกาตั้งข้อหาพยายามขโมยความลับในการวิจัยวัคซีนโควิด-19
จอห์น ดีเมอร์ส ผู้ช่วยรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ แถลงว่า คนทั้งสองที่เชื่อว่าอยู่ในจีนขณะนี้ ดำเนินการดังกล่าวทั้งเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและรัฐบาลจีน
ขณะเดียวกัน ความพยายามของญี่ปุ่นในการกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศเริ่มเผชิญความวุ่นวาย หลังจากรัฐบาลต้องห้ามประชาชนไม่ให้เดินทางไปโตเกียวเนื่องจากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เฉพาะวันอังคารมีถึง 237 คน รวมเป็นเกือบ 10,000 คน หรือประมาณครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วประเทศ
