เอเอฟพี - ผลการศึกษาตัวอย่างอากาศภายในวอร์ดโรงพยาบาล ซึ่งมีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พบว่าไวรัสสามารถแพร่กระจายออกจากตัวผู้ป่วยได้ไกลถึง 13 ฟุต หรือราวๆ 4 เมตร ซึ่งคิดเป็น 2 เท่าของระยะทางที่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขแนะนำให้คนอยู่ห่างกันในที่สาธารณะเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ผลการศึกษาเบื้องต้นของคณะนักวิจัยจีนซึ่งได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสาร Emerging Infectious Diseases ซึ่งเป็นวารสารการแพทย์ของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) เมื่อวานนี้ (10 เม.ย.) ยิ่งเพิ่มข้อถกเถียงเกี่ยวกับวิธีการแพร่กระจายของเชื้อโรคโควิด-19 ในขณะที่นักวิทยาศาสตร์จีนเองตั้งข้อสังเกตอย่างระมัดระวังว่า เชื้อไวรัสปริมาณน้อยที่พบในอากาศห่างจากตัวผู้ป่วย 4 เมตร อาจไม่ก่อให้เกิดการติดเชื้อก็ได้
ทีมวิจัยซึ่งนำโดยผู้เชี่ยวชาญจากวิทยาลัยการแพทย์ทหารในกรุงปักกิ่ง (Academy of Military Medical Sciences) ได้ทดสอบตัวอย่างพื้นผิวและอากาศภายในหอผู้ป่วยหนักและวอร์ดสำหรับคนไข้โควิด-19 ที่โรงพยาบาลหั่วเสินซาน ในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งรับผู้ป่วยไวรัสเข้ารักษาตัวรวม 24 ราย ระหว่างวันที่ 19 ก.พ.- 2 มี.ค.
ผลการทดสอบพบว่า ไวรัสจะกระจุกตัวหนาแน่นอยู่ตามพื้นห้อง “ซึ่งอาจจะเกิดจากแรงโน้มถ่วง หรือการไหลของอากาศซึ่งทำให้ละอองฝอย (droplets) ที่มีเชื้อไวรัสตกลงไปที่พื้นเป็นส่วนใหญ่”
เชื้อไวรัสปริมาณมากยังถูกพบบนพื้นผิวที่คนมักจะไปสัมผัส เช่น เมาส์คอมพิวเตอร์, ถังขยะ, ราวจับข้างเตียงผู้ป่วย และลูกบิดประตู เป็นต้น
“ยิ่งไปกว่านั้น ตัวอย่างจากพื้นรองเท้าของแพทย์และพยาบาลในห้องไอซียูก็มีผลตรวจไวรัสเป็นบวกด้วย” ทีมวิจัยเผย “ดังนั้น พื้นรองเท้าของบุคลากรการแพทย์อาจจะกลายเป็นพาหะของโรคได้”
ทีมวิจัยยังได้ศึกษาเกี่ยวกับการแพร่เชื้อผ่านละอองไอในอากาศ (aerosol transmission) ในกรณีที่ละอองฝอยจากผู้ป่วยนั้นมีขนาดเล็กมากจนสามารถล่องลอยอยู่ได้นานหลายชั่วโมง ซึ่งต่างจากการไอหรือจามที่ละอองฝอยจะมีขนาดใหญ่และร่วงลงสู่พื้นในไม่กี่วินาที
นักวิจัยพบว่า ละอองไอที่มีไวรัสปะปนจะกระจุกตัวอยู่ใกล้ๆ หรือลอยห่างจากตัวผู้ป่วยตามปลายทางการไหลของอากาศ (downstream) ได้ไกลสุดถึง 13 ฟุต ส่วนในทิศทางตรงกันข้ามพบเชื้อไวรัสลอยห่างจากผู้ป่วยได้ 8 ฟุต และมีเชื้อในปริมาณที่น้อยกว่า
อย่างไรก็ตาม บุคลากรการแพทย์ซึ่งทำงานในวอร์ดโรงพยาบาลแห่งนี้ไม่มีใครติดเชื้อไวรัสเลย “ซึ่งแสดงให้เห็นว่า มาตรการเฝ้าระวังที่เหมาะสมสามารถป้องกันการติดไวรัสได้อย่างมีประสิทธิภาพ”
ทีมวิจัยยังเสนอว่า “การให้ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 กักตัวเองที่บ้านอาจไม่ใช่ยุทธศาสตร์ควบคุมโรคที่ได้ผล” เนื่องจากมีโอกาสสูงที่เชื้อจะแพร่กระจายในสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ การศึกษาเกี่ยวกับไวรัสโคโรนาในล่องลอยในอากาศยังเป็นข้อถกเถียงในหมู่นักวิทยาศาสตร์ และยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนว่าไวรัสซึ่งพบในปริมาณน้อยจะก่อให้เกิดการติดเชื้อได้หรือไม่ ขณะที่ องค์การอนามัยโลก (WHO) ก็ออกมาพูดในทำนองว่าไม่ได้มีความเสี่ยงอะไรมากนัก
อย่างไรก็ดี ล่าสุด รัฐบาลสหรัฐฯ ได้หันมาใช้นโยบายกันไว้ก่อน โดยเตือนให้ชาวอเมริกันสวมหน้ากากทุกครั้งเมื่อออกจากบ้าน เนื่องจากเกรงว่าไวรัสอาจแพร่กระจายผ่านทางลมหายใจหรือการพูดคุยกันได้
