มิร์เรอร์/ฟอร์บส์ - เจ้าหน้าที่ออสเตรเลียเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ได้เปิดการสืบสวนอย่างเป็นทางการ เพื่อสรุปว่าจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในรัฐวิคตอเรีย มีสาเหตุมาจากเรื่องอื้อฉาวตามโรงแรมหลายแห่งที่เป็นส่วนหนึ่งของโครงการกักกักโรคผู้เดินทางเข้าประเทศหรือไม่
ความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นในขณะที่รัฐวิคตอเรีย ของออสเตรเลีย ดูเหมือนกำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ด้วยพบผผู้ติดเชื้อรายใหม่ 374 คนในวันอังคาร (21 ก.ค.) เพิ่มขึ้นจาก 275 คนของวันจันทร์ (20 ก.ค.)
การเปิดการสืบสวนอย่างเป็นทางการมีขึ้น หลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม สื่อมวลชนออสเตรเลียต่างพากันรายงาน มีข้อสงสัยกันว่าการแพร่ระบาดรอบใหม่ในรัฐวิคตอเรีย อาจจะเกิดจากการที่เจ้าหน้าที่ของโรงแรม ซึ่งถูกใช้เป็นสถานที่กักกันโรคสำหรับผู้ที่เดินทางเข้ามายังออสเตรเลีย ไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่วางเอาไว้ รวมถึงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้เดินทางเข้าประเทศที่พวกเขาดูแล ในนั้นรวมถึงชาวอังกฤษ
สื่อมวลชนหลายสำนักรายงานเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ว่า โรงแรมต่างๆ ในเมืองเมลเบิร์น ซึ่งใช้เป็นสถานที่กักกันโรค ถูกระบุว่าเป็นแหล่งต้นตอหลักของสถานการณ์การแพร่ระบาดที่ลุกลาม โดยนับตั้งแต่มาตรการห้ามเดินทางของออสเตรเลียมีผลบังคับใช้ในเดือนมีนาคม นักเดินทางที่มาจากต่างแดนต้องเข้ากักกันโรคเป็น 14 วัน ในห้องพักของโรงแรมที่จัดเตรียมไว้
“ไม่ว่าไวรัสจะเล็ดลอดออกมาได้อย่างไร ดูเหมือนว่ามันจะหลุดออกมาจากโรงแรมหนึ่ง และดูเหมือนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบางคนจะมีช่วงเวลาแห่งความรื่นเริง” ลอรา ทิงเกิล หัวหน้าผู้สื่อข่าวสายการเมืองของเอบีซีนิวส์กล่าว
แดเนียล แอนดรูว์ ผู้ว่าการรัฐ ประกาศภาครัฐจะทุ่มเงินสนับสนุนการสอบสวนเรื่องนี้ถึง 3 ล้านดอลลาร์ โดยยอมรับว่า การติดเชื้อหลายกรณีเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ถึงต้นเดือนมิถุนายน อาจจะเกี่ยวกับกรณี “การติดเชื้อจากการฝ่าฝืนมาตรการควบคุมโรคในโครงการโรงแรมสำหรับการกักกันโรค”
การสืบสวนล็อกเป้าต้องสงสัยไปที่เหล่าบริษัทเอกชนผู้รับเหมาบริการรักษาความปลอดภัย ที่เกี่ยวข้องกับระบบโรงแรมกักโรคของรัฐวิคตอเรีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อาจละเมิดมาตรการควบคุมการแพร่เชื้อ
สื่อมวลชนออสเตรเลีย รายงานโดยอ้างแหล่งข่าววงในในโรงแรมกักกันโรค อ้างว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำโรงแรมหลับนอนกับแขกระหว่างกักกันโรค นอกจากนี้แล้ว ยังมีกรณีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลต่อเนื่องยาวนานสูงสุด 8 ชั่วโมง โดยไม่ได้เปลี่ยนชุดใดๆ
ขณะเดียวกัน ก็ยังมีเรื่องของการที่เจ้าหน้าที่โรงแรมขาดการฝึกฝนในด้านการป้องกันโรค โดยเจ้าหน้าที่บางคนเปิดเผยว่า ได้รับการฝีกแค่ไม่กี่ชั่วโมง ก่อนจะถูกส่งตัวมาทำงานที่โรงแรม
“การ์ดจับมือและใช้ลิฟต์ร่วมกับคนอื่นๆ บางคนฝึกการควบคุมโรคแค่ 6 ชั่วโมง บางรายแอบหลับนอนในหน้าที่ และอนุญาตให้ผู้ถูกกักกันโรคที่มากันแบบเป็นครอบครัว ไปมาหาสู่กันระหว่างห้อง จับกลุ่มเล่นไพ่และเล่นเกมร่วมกัน” แหล่งข่าวระบุ
นอกจากประเด็นอื้อฉาวหลับนอนกับแขกที่อยู่ภายใต้มาตรการกักกันโรคแล้ว ทางสำนักข่าวสกายนิวส์ยังรายงานด้วยว่า บริษัทรักษาความปลอดภัยทั้งหลายยังถูกกล่าวหาคิดค่าเข้ากะโดยไม่มีการเข้างานจริงๆ และปั่นแต่งชื่อพนักงานปลอมๆ ขึ้นมา เพื่อเบิกค่าใช้จ่าย ทั้งที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรายนั้นไม่มีอยู่จริง