รอยเตอร์ – รัฐแคลิฟอร์เนียมีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 11,800 คนในรอบ 24 ชั่วโมงเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) ขณะที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเดินหน้ากดดันให้มีการเปิดโรงเรียนและฟื้นฟูภาคธุรกิจกลับสู่ภาวะปกติ
นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค. ที่แคลิฟอร์เนียมีผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งเกิน 10,000 คน ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้ป่วยสะสมในรัฐแห่งนี้เพิ่มเป็นเกือบ 400,000 คน หรือหากมีสถานะเป็นประเทศก็จะรั้งอันดับที่ 5 ของโลกตามหลังสหรัฐฯ, บราซิล, อินเดีย และรัสเซีย
รัฐฟลอริดามีผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งเกิน 10,000 คนต่อเนื่องมานานถึง 6 วันแล้ว ขณะที่เทกซัสก็ไม่น้อยหน้ามีผู้ติดเชื้อวันละกว่า 10,000 คนจาก 5 ใน 7 วันที่ผ่านมา
เทศมณฑลลอสแองเจลิสซึ่งเป็นจุดที่ไวรัสแพร่ระบาดหนักสุดในแคลิฟอร์เนียมีผู้ติดเชื้อสะสมเกือบ 160,000 คนในวันจันทร์ (20) และสร้างสถิติมีผู้ป่วยโควิด-19 นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสูงสุดต่อเนื่องเป็นวันที่ 2
เกวิน นิวซัม ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย ตัดสินใจฟื้นมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง โดยนอกจากสั่งปิดบาร์แล้ว ยังให้ร้านอาหาร, โรงภาพยนตร์, สวนสัตว์ และพิพิธภัณฑ์หยุดให้บริการในรูปแบบภายในอาคารด้วย ขณะที่สถานออกกำลังกาย, โบสถ์ และร้านทำผมใน 30 เทศมณฑลที่ไวรัสระบาดหนักก็ต้องปิดตัวลงอีกครั้ง
เรือนจำในรัฐแคลิฟอร์เนียตัดสินใจปล่อยตัวนักโทษ 8,000 คนก่อนกำหนดเพื่อลดความแออัด หลังพบโควิด-19 แพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนในเรือนจำหลายแห่ง
วอลท์ ดิสนีย์ โค ได้เลื่อนการเปิดสวนสนุกดิสนีย์แลนด์ในเมืองแอนะไฮม์ของรัฐแคลิฟอร์เนียออกไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดิสนีย์เวิลด์ในรัฐฟลอริดากลับมาเปิดให้บริการแล้วตั้งแต่วันที่ 11 ก.ค.
รอน เดอแซนทิส ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา ออกมาเรียกร้องวานนี้ (20) ให้ผู้ที่หายขาดจากโควิด-19 กลับมาบริจาคพลาสมาเพื่อช่วยชีวิตผู้ป่วยที่อาการหนัก โดยสถานการณ์ในรัฐซันไชน์สเตตแห่งนี้ถือว่าเข้าขั้นย่ำแย่ โดยมีผู้ป่วยที่รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมากกว่า 9,500 คน ขณะที่เตียงผู้ป่วยไอซียูทั่วทั้งรัฐเหลือว่างเพียงแค่ 18% เท่านั้น