รอยเตอร์/เอเอฟพี - ฟิลิปปินส์แถลงวันอังคาร (21 ก.ค.) จะเพิ่มการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาหลังตัวเลขเพิ่มสูงขึ้น ตั้งเป้าจะตรวจหาเชื้อให้ได้ 32,000-40,000 คน/วัน ขณะที่ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ออกมาเตือนว่าจะสั่งจับคนที่แพร่ไวรัส พวกไม่สวมหน้ากาก หรือไม่ยอมเว้นระยะห่างทางสังคม ทั่วโลกดับรวม 610,565 คน และติดเชื้อรวม 14,729,037 คน สหภาพครูรัฐฟลอริดาเมื่อวานนี้ (20 ก.ค.) ยื่นฟ้องทางกฎหมายต่อผู้ว่าการรัฐและเจ้าหน้าที่อื่นๆ เพื่อให้กำหนดการเปิดโรงเรียนต้องยกเลิกไปหลังรัฐกลายเป็นศูนย์กลางการระบาด
รอยเตอร์รายงานวันนี้ (21 ก.ค.) ว่า รัฐมนตรีสาธารณสุขฟลิปปินส์ ฟรานซิสโก ดุ๊ก (Francisco Duque) แถลงในการประชุมร่วมกับประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตอร์เต ผ่านทางโทรทัศน์ว่า รัฐบาลมะนิลามีเป้าหมายที่จะตรวจหาไวรัสให้ได้ 32,000-40,000 คน/วัน จากปัจจุบันที่ทำได้ 20,000-23,000 คน/วัน เท่านั้น
ฟิลิปปินส์ที่ผ่านมาได้ทำการตรวจหาไวรัสไปแล้วเกือบ 1.1 ล้านคน แต่ดุ๊กกล่าวว่า เขามีเป้าหมายที่จะตรวจให้ได้ถึง 10 ล้านคน หรือ 1 ใน 10 ของจำนวนประชากรทั้งหมด ที่ต้องตรวจให้เสร็จสิ้นภายในไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า
“พวกเราไม่สามารถตรวจได้หมดทุกคนไม่แม้แต่ประเทศที่ร่ำรวยที่สุด คือ สหรัฐฯ” รัฐมนตรีสาธารณสุขฟิลิปปินส์แถลง
เฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฟิลิปปินส์มาเป็นอันดับ 2 รองแค่จากอินโดนีเซียในแง่ของจำนวนผู้ติดเชื้อและคนเสียชีวิต โดยมีเคสเพิ่มสูงอย่างก้าวกระโดดเกือบ 4 เท่า มาอยู่ที่ 68,898 คน และตัวเลขการเสียชีวิตเพิ่มเกือบ 2 เท่าอยู่ที่ 1,835 คน นับตั้งแต่มะนิลาคลายล็อกมาตรการในเดือนมิถุนายน
แต่อย่างไรก็ตาม มาตรการปิดตายหรือล็อกดาวน์ถูกกลับนำมาใช้อีกครั้งในบางพื้นที่ซึ่งมีการระบาดหนักมากที่สุด
ด้านผู้นำฟิลิปปินส์ได้ออกมาข่มขู่ที่จะใช้มาตรการจับกุมกับทุกคนที่แพร่ไวรัส ไม่สวมหน้ากากอนามัย หรือไม่ทำตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคม
“พวกเราไม่มีความกังวลที่ต้องจับกุมคน” ดูเตอร์เตกล่าวกลางการออกอากาศทางโทรทัศน์วันนี้ (21) โดยชี้ว่า การแพร่ไวรัสโควิด-19 นั้น เป็นคดีอาชญากรรมร้ายแรง
“หากว่าคุณถูกนำตัวมาที่สถานีตำรวจเพื่อถูกควบคุมตัวที่นั่น นั่นจะเป็นการให้บทเรียนแก่คุณเสมอ” ดูเตอร์เตกล่าวไปถึงคนที่ถูกจับในข้อหาไม่สวมหน้ากากในที่สาธารณะ
ทั้งนี้ สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และตำรวจฟิลิปปินส์จะนำคนป่วยโควิด-19 ที่มีอาการเล็กน้อยหรือไม่แสดงอาการออกมาจากบ้านพักและส่งเข้าศูนย์กักกันโรค สร้างความวิตกว่าอาจเป็นการละเมิดด้านสิทธิมนุษยชนขึ้น
ทั้งนี้ อ้างอิงจากมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกในวันนี้ (21) อยู่ที่ 610,565 คน และติดเชื้อรวม 14,729,037 คน ขณะที่สหรัฐฯมีจำนวนผู้เสียชีวิตที่ 140,909 คน และติดเชื้อรวม 3,831,430 คน
เอเอฟพีรายงานว่า สหภาพครูหลักของรัฐฟลอริดาในวันจันทร์ (20) สมาพันธ์การศึกษารัฐฟลอริดา FEA (Florida Education Association) ที่มีสมาชิกอยู่ราว 140,000 คน ได้ยื่นฟ้องต่อผู้ว่าการรัฐ รอน เดอซานติซ (Ron DeSantis) และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เพื่อที่จะทำให้โรงเรียนที่ต้องมีกำหนดเปิดในเดือนสิงหาคมต้องยกเลิกไป
โดยในเวลานี้รัฐฟลอริดาได้กลายเป็นศูนย์กลางการระบาดโรคโควิด-19 ในสหรัฐฯ เฉพาะแค่วันจันทร์ (20) พบว่า มีจำนวนผู้เสียชีวิต 90 ราย ทำให้มีจำนวนยอดเสียชีวิตรวมอยู่ที่ 5,072 คน ส่วนเคสติดเชื้อใหม่ 10,347 คน และมีกว่า 9,500 คนอยู่ในโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา
ด้าน ประธานสหภาพครูรัฐฟลอริดา FEA เฟดริค อิงแกรม (Fedrick Ingram) ออกมาชี้ว่า ผู้ว่าการรัฐต้องตรวจดูข้อเท็จจริง โดยชี้ว่า “ทุกคนต้องการให้โรงเรียนเปิด แต่พวกเราไม่ต้องการเริ่มการสอนแบบเข้าชั้นเรียน และต้องเผชิญกับการเพิ่มขึ้นของเคสและการเจ็บป่วย และหลังจากนั้น ต้องถูกบังคับให้กลับเข้าระบบเรียนออนไลน์อีกครั้ง”
ในคำฟ้องชี้ว่าทั้งผู้ว่าการเดอซานติซ อธิบดีการศึกษารัฐฟลอริดา ริชาร์ด คอร์โคราน (Richard Corcoran) และนายกเทศมนตรีไมอามี เคาน์ตี บังคับให้นักเรียนของโรงเรียนรัฐหลายล้านคน และเจ้าหน้าที่โรงเรียนต้องเปิดเรียนในภาคการศึกษาที่จะเริ่มขึ้นในเดือนหน้า