เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์แถลงยืนยันวันนี้ (13 ก.ค.) ว่า กรุงมะนิลาที่มีประชากรราว 250,000 คน จะต้องกลับมาถูกปิดตายอีกครั้ง คาดอาจมีผลบังคับใช้อย่างช้าวันพฤหัสบดี (16 ก.ค.) ที่จะถึง หลังเห็นเคสใหม่เพิ่ม ด้านละตินอเมริกาล่าสุดมียอดรวมเสียชีวิตไวรัสโคโรนา 144,758 คน ในวันจันทร์ แซงหน้าสหรัฐฯและแคนาดา ด้านนายกฯอังกฤษ ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในร้านค้า
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (13 ก.ค.) ว่า อ้างอิงตัวเลขจากเวิลด์มิเตอร์ พบจำนวนผู้เสียชีวิตโควิด-19 ทั่วโลกวันจันทร์ (13) อยู่ที่ 572,525 คน ติดเชื้อ 13,080,633 คน
ขณะที่ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้เสียชีวิต 1,599 คน ติดเชื้อ 57,006 คน เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์แถลงวันจันทร์ (13) ว่า ประชาชนรวม 250,000 คน จะกลับไปถูกปิดตายอีกครั้งหลังจากเคสการติดเชื้อใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ พบว่า ประชาชนในนาโวตัส (Navotas) ซึ่งเป็น 1 ใน 16 เมืองที่มีคนอาศัยรวมกันอย่างหนาแน่นร่วม 12 ล้านคน จะต้องอยู่แต่ในที่พักเป็นเวลา 14 วัน แค่ 6 สัปดาห์หลังจากได้รับการประกาศยกเลิกมาตราการล็อกดาวน์ก่อนหน้า
นายกเทศมนตรีเมืองนาโวตัส โทบี เทียงโค (Toby Tiangco) ให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุว่า “ผมไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นคำตอบแต่ผมเชื่อว่าหากว่าผมทำเช่นนี้แล้วจำนวนเคสจะไม่เพิ่ม”
นาโวตัสถือเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความยากจนที่สุดในกรุงมะนิลา และมีท่าเรือประมงหลักตั้งอยู่ ที่เมืองแห่งนี้ตัวเลขติดเชื้อ 931 ราย และเสียชีวิต 59 ราย อ้างอิงจากตัวเลขรัฐบาลท้องถิ่น
แต่กลับพบว่าในแค่ช่วง 2 สัปดาห์ล่าสุด มีเคสติดเชื้อใหม่เพิ่ม
“เราไม่มีทางเลือกแต่ต้องทำเพราะประชาชนไม่เชื่อฟัง” นายกเทศมนตรีกล่าวโดยอ้างไปถึงการที่ประชาชนไม่ทำตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่กำหนดไว้
ในการให้สัมภาษณ์กับเอเอฟพี เทียงโคเปิดเผยว่า ผลบังคับใช้การล็อกดาวน์รอบใหม่คาดว่าจะใช้ได้ในวันพุธ (15) หรือไม่ก็วันพฤหัสบดี (16)
ประชาชนยังได้รับอนุญาตให้สามารถออกไปทำงานได้ แต่การออกกำลังกายด้านนอกนั้นถูกสั่งห้าม ร้านค้าและธุรกิจยังสามารถเปิดได้ต่อไปแต่ภัตตาคารและร้านอาหารจะได้รับอนุญาตให้จำหน่ายเฉพาะสำหรับการซื้อกลับไปทานที่บ้านเท่านั้น
แผนกสาธารณสุขในวันจันทร์ (13) รายงานการเพิ่มจำนวนผู้ติดเชื้อมากกว่า 2,000 คนสูงกว่าเมื่อวาน และมีจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 162 ราย
ขณะเดียวกัน ที่ทวีปละตินอเมริกา หนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนรายงานว่า วันนี้ (13) พบว่า จำนวนตัวเลขรวมการเสียชีวิตของทวีปได้แซงหน้าสหรัฐฯและแคนาดาไปแล้ว โดยอยู่ที่ 144,758 คน ขณะที่ตัวเลขรวมการเสียชีวิตของสหรัฐฯและแคนาดาอยู่ที่ 144,023 คน
ทวีปละตินอเมริกาในเวลานี้ มียอดการเสียชีวิตเป็นอันดับ 2 รองจากยุโรป ที่มียอดการเสียชีวิตรวมที่ 202,505 คน ด้านนายกรัฐมนตรีอังกฤษ บอริส จอห์นสัน ได้ออกมาเรียกร้องให้ประชาชนให้สวมหน้ากาก หรือเฟซชิลด์ระหว่างอยู่ภายในร้านค้า
โดยเขากล่าวว่า มีหลักฐานอ้างอิงเพิ่มมากขึ้นที่บ่งชี้ถึงประสิทธิภาพของการสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 ในที่สาธารณะ เกิดขึ้นหลังจอห์นสันตกภายใต้แรงกดดันให้เขาออกคำสั่งให้การสวมหน้ากากอนามัยเป็นสิ่งบังคับใช้ตามกฎหมายในอังกฤษเพื่อให้สอดคล้องไปกับมาตรการในสกอตแลนด์
จอห์นสันกล่าวว่า “ดังนั้น ผมคิดว่าเมื่ออยู่ในร้านค้า เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องสวมเครื่องป้องกันใบหน้าไว้”