เอเจนซีส์ - อินโดนีเซียพบทหารเกือบ 1,300 นาย ในโรงเรียนเตรียมทหารติดเชื้อโควิด-19 ขณะที่รัฐวิกตอเรียของออสเตรเลียยังพบผู้ติดเชื้อเพิ่มหลักร้อย และรัฐนิวเซาธ์เวลส์พบการระบาดแบบกลุ่มก้อนจากผับแห่งหนึ่งในซิดนีย์ ด้านสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของบราซิล ยืนยันว่า ตนและลูกสาวสองคนไม่ติดโควิด-19
พล.อ.แอนดิกา เปอร์กาซา เสนาธิการทหารบกอินโดนีเซีย แถลงเมื่อคืนวันเสาร์ (11 ก.ค.) ว่า มีคำสั่งให้โรงเรียนเตรียมทหารอินโดนีเซีย ในจังหวัดชวาตะวันตก ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดในประเทศ เป็นพื้นที่กักกันโรค หลังพบผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน 1,280 คน ประกอบด้วย นักเรียนนายร้อย 991 นาย ที่เหลือเป็นครูฝึกและสมาชิกครอบครัว โดยส่วนใหญ่ไม่แสดงอาการ และ 17 คน ยังอยู่ในโรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมีประชาชน 30 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลด้วยอาการป่วยเล็กน้อย
ทั้งนี้ มีการตรวจพบการระบาดครั้งแรกเมื่อนักเรียนนายร้อย 2 นาย มีไข้และปวดหลัง และเข้ารับการตรวจที่หน่วยแพทย์ในโรงเรียน ซึ่งผลการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ออกมาเป็นบวกทั้งคู่ ทำให้ต้องทำการตรวจครั้งใหญ่ในโรงเรียนเตรียมทหารดังกล่าวที่มีเจ้าหน้าที่และนักเรียนนายร้อยรวม 2,000 คน
เปอร์กาซาเสริมว่า ยังไม่รู้ชัดเจนว่า นักเรียนนายร้อย 2 คนแรกติดเชื้อมาจากที่ไหน แต่เจ้าหน้าที่บางคนพักอยู่นอกโรงเรียน
ทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดชวาตะวันตก แถลงขอโทษสำหรับโรคระบาด และขอให้ประชาชนจำกัดการเดินทางเข้า-ออกจากย่านที่เป็นที่ตั้งโรงเรียนเตรียมทหาร จนกว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว
อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยตัวเลขผู้ติดเชื้อกว่า 74,000 คน และเสียชีวิตกว่า 3,500 คน
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ตัวเลขจริงน่าจะสูงกว่านี้ เนื่องจากปัญหาการตรวจหาผู้ติดเชื้อที่มีเพียงจำกัด และองค์การอนามัยโลก (ฮู) เรียกร้องให้อินโดนีเซียเพิ่มการตรวจหาผู้ติดเชื้อ
ที่ออสเตรเลีย รัฐวิกตอเรีย รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 273 คน และเสียชีวิต 1 คน ในวันอาทิตย์ (12 ก.ค.) ขณะที่รัฐนิวเซาธ์เวลส์ พบผู้ติดเชื้อ 9 คน ที่เชื่อมโยงกับการระบาดจากผับแห่งหนึ่งในซิดนีย์ โดยทั้งสองรัฐนี้มีประชากรรวมกันมากกว่าครึ่งหนึ่งของประชากร 25 ล้านคนทั่วประเทศ
การผ่อนคลายมาตรการจำกัดเข้มงวดที่เคยทำให้ออสเตรเลียเป็นหนึ่งในประเทศที่ควบคุมการระบาดได้เป็นอย่างดี ส่งผลให้เกิดการแพร่เชื้อภายในชุมชนรอบใหม่ในเมลเบิร์น เมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย และต้องบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์อีกครั้งเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.)
อย่างไรก็ตาม จำนวนผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นล่าสุด เป็นผลจากการขยายการตรวจหาผู้ติดเชื้อเป็นวันละกว่า 30,000 คนในรัฐนี้ สำหรับผู้เสียชีวิตเมื่อวันอาทิตย์เป็นชายวัย 70 ปี ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตภายในรัฐวิกตอเรียรวมอยู่ที่ 108 คน
ส่วนนิวเซาธ์เวลส์ที่ผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างในเดือนนี้ หลังพบเคสใหม่ในอัตราตัวเลขหลักเดียวนั้น ขอให้ประชาชนกว่า 1,000 คน ที่ไปเที่ยวผับแห่งหนึ่งทางตะวันตกเฉียงใต้ของซิดนีย์เมื่อเร็วๆ นี้ กักตัวและรับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 หลังจากเกิดการระบาดแบบกลุ่มก้อนจากผับดังกล่าว
ขณะเดียวกัน นิก โคตส์เวิร์ธ รองที่ปรึกษาอาวุโสด้านการแพทย์ของรัฐบาล พยายามลดกระแสความกังวล โดยยืนยันว่า มีมาตรการป้องกันโควิดอย่างเหมาะสมระหว่างที่นายกรัฐมนตรี สก็อตต์ มอร์ริสัน ไปร่วมชมการแข่งขันรักบี้ที่ซิดนีย์เมื่อวันเสาร์
ที่บราซิล มิเชล โบลโซนารู ภรรยาประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ที่ติดเชื้อโควิด-19 เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ว่า เธอและลูกสาว 2 คนมีผลตรวจเป็นลบ
ทั้งนี้ ผู้นำบราซิลแถลงเมื่อวันอังคาร (7 ก.ค.) ว่า ติดเชื้อและใช้ยาไฮดร็อกซีคลอโรควิน ที่เป็นยาต้านมาเลเรีย รักษาระหว่างการกักตัว
ปัจจุบัน บราซิลมีผู้ติดเชื้อกว่า 1.8 ล้านคน และเสียชีวิตกว่า 70,000 คน ถือเป็นประเทศที่มีการระบาดรุนแรงที่สุดในโลกอันดับ 2 รองจากอเมริกา