รอยเตอร์ - อินโดนีเซีย รายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รายวันมากสุดนับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ด้วยเกือบครึ่งของทั้งหมด 2,657 เคส ตรวจพบที่ศูนย์ฝึกทหารแห่งหนึ่งในชวาตะวันตก
จนถึงตอนนี้ ประเทศที่มีพลเรือนมากที่สุดอันดับ 4 ของโลก มีผู้ติดเชื้อสะสมแล้ว 70,736 คน แต่ด้วยที่พวกนักวิจัยด้านสาธารณสุขสงสัยว่า ณ ปัจจุบัน ขอบเขตการตรวจเชื้อยังเป็นไปอย่างจำกัด นั่นหมายความว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อที่แท้จริงอาจสูงกว่านี้มาก แม้รัฐบาลปฏิเสธข้อสันนิษฐานดังกลาาวและแนะนำประชาชนอย่าได้ตื่นตระหนก
ในส่วนของผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ พบเพิ่มอีก 58 รายในวันพหัสบดี(9ก.ค.) ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอย่างเป็นทางการอยู่ที่ 3,417 คน จากคำแถลงของ อัชมัด ยูเรียนโต เจ้าหน้าที่ประจำกระทรวงสาธารณสุขของอินโดนีเซีย
อย่างไรก็ตามข้อมูลบางส่วนจากเว็บไซต์รัฐบาลท้องถิ่น 20 ใน 35 จังหวัดของอินโดนีเซีย ที่รวบรวมโดย Kawal Covid-19 กลุ่มอาสาสมัครด้านไวรัสโคโรนา เผยให้เห็นว่ามีผู้เสียชีวิตอีก 6,847 คน ที่ไม่ได้ถูกตรวจโรค แต่มีอาการของการติดเชื้อ
รัฐบาลกลางไม่นับรวมเคสเหล่านี้ โดยอ้างว่าคนไข้ที่ไม่ได้รับการตรวจเชื้ออาจเสียชีวิตจากสาเหตุอื่นๆ
ยูเรียนโต ชี้ว่าปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น ก็คือประชาชนไม่ยอมสวมหน้ากาก ในขณะที่อินโดนีเซียผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อกอบกู้เศรษฐกิจ
เขาเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่ากลุ่มก้อนผู้ติดเชื้อใหม่ปรากฎขึ้นที่ศูนย์ฝึกทหารแห่งหนึ่งในชวาตะวันตก หลังพบนักเรียนนายร้อยและครูฝึกรวม 1,262 คน มีผลตรวจออกมาเป็นบวก "เราวิงวอนให้ประชาชนอยู่ในความสงบ อย่าตื่นตระหนก เพราะพวกเขาได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ ตามมาตรฐานสากล"
ตามข้อมูลของ ยูเรียนโต ยังพบด้วยว่ามีประชาชนอีก 13,732 คนที่แสดงอาการต้องสงสัยติดเชื้อ อยู่ภายใต้การสังเกตอาการทางการแพทย์ แต่ยังไม่ได้นำตัวไปตรวจเชื้อ ส่วนอีก 38,498 อยู่ในข่ายที่ต้องเฝ้าระวัง หลังสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ
ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด แห่งอินโดนีเซียบอกกับที่ประชุมหนึ่ง ระหว่างเดินทางลงพื้นที่จังหวัดกาลิมันตันกลางในวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ว่าประเทศจำเป็นต้องควบคุมทั้งวิกฤตการสาธารณสุขและผลกระทบทางเศรษฐกิจ
กระทรวงการคลังของอินโดนีเซียประมาณการในวันพฤหัสบดี(9ก.ค.) ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) ของอินโดนีเซีย ช่วงไตรมาส 2 ระห่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน น่าจะหดตัวลงสูงสุด 5.1% เมื่อเทียบรายปี สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่เศรษฐกิจน่าจะขยายตัวได้หลังจากนั้น