ในแวดวงสีกากีชั่วโมงนี้ไม่มีประเด็นไหนที่จะร้อนแรง และถูกพูดถึงมากเท่ากับการคัดเลือกผู้ที่จะมารับไม้ต่อจาก “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ซึ่งเหลือเวลาเพียง 2 เดือนกว่า หรือ ประมาณ 79 วัน ก็จะเกษียณอายุราชการ หลังครองเก้าอี้ “พิทักษ์ 1” มายาวนานถึง 5 ปี
หากไม่มีอะไรผิดพลาด ชนิดฟ้าผ่า สตช. “บิ๊กแป๊ะ” ก็จะเป็น ผบ.ตร.คนที่ 4 ที่อยู่ครบวาระ ตามรอยรุ่นพี่อย่าง พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พ่วงด้วยการสร้างประวัติศาสตร์ ผบ.ตร.ที่ครองตำแหน่งยาวนานที่สุด นับแต่มีการปรับโครงสร้างจากกรมตำรวจมาเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ขณะเดียวกัน มีการคาดการณ์กันถึงตัวผู้ที่จะถูกเลือกให้ก้าวขึ้นมาเป็นแม่ทัพสีกากีคนใหม่ ซึ่งตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ บัญญัติไว้ว่าให้พิจารณาคัดเลือกจากรอง ผบ.ตร.และ จเรตำรวจแห่งชาติ ที่ยังไม่เกษียณอายุราชการ ฉะนั้น ปัจจุบันจึงมีผู้ที่อยู่ในข่ายที่จะมีโอกาสได้รับการคัดเลือก 5 คน แต่เนื่องจาก “บิ๊กต้อย” พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ถูกเด้งไปช่วยราชการ สำนักนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีวี่แววว่าจะได้กลับคืนถิ่นเก่า แคนดิเดตเก้าอี้แม่ทัพสีกากี จึงเหลือเพียง 4 คน
สำหรับผู้ที่ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่ง คือ “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ทั้งที่อาวุโสน้อยที่สุด ปัจจุบันเป็น รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ ควบด้วยงานสืบสวน และยังเป็น ผอ.ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) เกษียณอายุราชการ ปี 2565 ประวัติส่วนตัวเกิดวันที่ 20 ธันวาคม 2504 ที่ จ.ฉะเชิงเทรา สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนเซนต์หลุยส์ จ.ฉะเชิงเทรา เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 20 รุ่นเดียวกับ “บิ๊กแดง” พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก และเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 36 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.จักรทิพย์ พ่วงด้วยปริญญาโทสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผ่านหลักสูตรสำนักงานสอบสวนกลาง ประเทศสหรัฐอเมริกา รุ่น 206 เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผกก.สืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 7 ผกก.สน.ลุมพินี ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 6 ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ผ่านการทำคดีสำคัญระดับประเทศมาไม่ถ้วน อาทิ คดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี คดีลอบวางระเบิดศาลท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ และเป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีวางระเบิดป่วนกรุง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2563 ล่าสุด ในปฏิบัติการสยบเหตุกราดยิงกลางเมืองโคราช เมื่อช่วงกลางเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ ก็เป็นคีย์แมนคนสำคัญที่เป็นผู้บัญชาการเหตุการณ์เคียงคู่ พล.ต.อ.จักรทิพย์ จนสามารถปิดจ๊อบได้สำเร็จ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ถือเป็นตำรวจนักสืบที่มีชื่อชั้น ทำงานละเอียด รอบคอบ เป็นที่ยอมรับในแวดวงตำรวจ นอกจากนี้ ยังเป็นนายที่รู้จักเลือกใช้คน มีทีมงานนักสืบระดับหัวกะทิอยู่ในสังกัดมากมาย ที่สำคัญ ด้วยความที่ผ่านรั้ว ร.ร.เตรียมทหาร สายสัมพันธ์กับทหารจึงแนบแน่น โดยเฉพาะ พล.อ.อภิรัชต์ ถือเป็นแรงสนับสนุนที่สำคัญ อีกเหตุผลที่มองว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ น่าจะถูกเลือก เนื่องจากเหตุการณ์บ้านเมืองหลังจากนี้ ยังมีคลื่นใต้น้ำระลอกใหญ่ที่รอวันปะทุ เชื่อว่า ผบ.ตร.คนใหม่ต้องมีความรู้สามารถที่จะรับมือสถานการณ์ความไม่สงบนี้ได้ ซึ่งหากเอาคุณสมบัติข้อนี้เป็นเกณฑ์ ตัวเลือกจึงเป็นใครไปไม่ได้
ขณะที่เต็งสอง เบียดกันมาชนิดหายใจรดต้นคอ คือ “บิ๊กมนู” พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.ด้านบริหาร เกษียณอายุราชการปี 2564 ประวัติส่วนตัว เกิดเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2504 ที่ จ.เพชรบุรี จบการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนพรหมมานุสรณ์ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 38 รุ่นเดียวกับ พล.ต.ท.ปิยะ อุทาโย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พ่วงด้วยดีกรีปริญญาโทรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ นายเวร พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ ขณะดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร.
พล.ต.อ.มนู มีภาพลักษณ์เป็นนักบริหาร แต่ก็ผ่านงานสืบสวน งานปราบปราม มาอย่างครบถ้วน มีอุปนิสัยสุขุมนุ่มนวล พูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัวไม่ค่อยปรากฏตัวออกสื่อ เป็นที่รักของผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมรุ่น รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชา แต่กระนั้นก็เป็นแคนดิเดตที่กระแสแรง สัญญาณดี มีคอนเนกชันที่ไม่ธรรมดา เนื่องจากมีแรงหนุนจากผู้มีอำนาจ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าจับตามอง
ขณะที่เต็งสามและเต็งสี่ คาดการณ์ว่า จะเป็นตัวสอดแทรก ซึ่งมีแรงหนุนไม่เบา ได้แก่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.ด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม และ พล.ต.อ.ชนสิษฏ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.สุชาติ จะเกษียณอายุราชการในปี 2565 ขณะที่ พล.ต.อ.ชนสิษฏ์ เหลืออายุราชการเพียงปีเดียว
สำหรับประวัติ พล.ต.อ.สุชาติ เกิดเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2504 ที่กรุงเทพมหานคร ถือเป็นลูกไม้ที่หล่นใต้ต้นมีเลือดสีกากีเต็มตัว เพราะเป็นลูกชายคนเล็กของ พล.ต.อ.แสวง ธีระสวัสดิ์ อดีตอธิบดีกรมตำรวจ จบการศึกษาระดับมัธยมปลายโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ก่อนไปเข้าโรงเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 36 พ่วงด้วยปริญญาโทสังคมศาสตร์ สาขาอาชญาวิทยาและงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยมหิดล
เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 3 ผู้กำกับการสืบสวนสอบสวนตำรวจนครบาล 6 ผู้บังคับการกองตรวจราชการ 3 รองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ เคยถูกวางตัวให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่รายชื่อถูกสลับให้มาเป็น ผบช.ประจำสำนักงานผบ.ตร.แทน แต่ในวันต่อมาได้มีคำสั่งให้เป็นรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า ลงไปปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขยับติดยศ พล.ต.อ.ในตำแหน่งที่ปรึกษา (สบ10) ก่อนโยกเป็นจเรตำรวจแห่งชาติ เป็นเวลา 2 ปี ขณะที่ล่าสุดได้รับความไว้วางใจให้ดูแลงานด้านป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม
พล.ต.อ.สุชาติ ถูกมองว่าเป็นมือปราบ เป็นตำรวจสายบู๊ ด้วยบุคลิกภาพที่เป็นคนพูดน้อย ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มักปรากฏภาพ พล.ต.อ.สุชาติ ถืออาวุธปืนนำหน้าลูกน้องลงพื้นที่อยู่บ่อยครั้ง สร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา
สำหรับ “บิ๊กเบิ้ม” พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติ เกษียณอายุราชการ ปี 2564 ถึงไม่ได้ถูกจับตามากนัก แต่หากพลิกดูโปรไฟล์ ก็ถือว่าประมาทไม่ได้ เพราะเป็นลูกชายของ พล.ต.อ.สนอง วัฒนวรางกูร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และเป็นสามี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2504 แม้ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ อาทิ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนคดีเศรษฐกิจ ผู้กำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดภูเก็ต ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 โยกเป็นผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 และดำรงตำแหน่งจเรตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2562
และนี่ก็เป็นรายชื่อและโปรไฟล์ของ 4 แคนดิเดต ผบ.ตร. แต่สุดท้ายแล้วใครจะเข้าวินคว้าเก้าอี้แม่ทัพสีกากีคนที่ 12 ไปครอง คงต้องรอดูกันยาวๆ เพราะในยุทธจักรสีกากีแห่งนี้อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ หากใครอยากรู้ชัด และชัวร์ ชั่วโมงนี้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี น่าจะเป็นผู้ที่ให้คำตอบได้ดี ตรงและชัดเจนที่สุด