เอเจนซีส์ - หวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน เรียกร้องสหรัฐฯให้ยุติ “โรคจิตหวาดระแวงแบบแมคคาร์ธี” และหาทางอยู่ร่วมกันอย่างสันติกับแดนมังกร ขณะที่เอกอัครราชทูตของปักกิ่งประจำแคนเบอร์รา เตือนออสเตรเลียเลิกก้าวก่ายกิจการภายใน หลังผู้นำออสซี่เสนอเปิดทางให้คนฮ่องกงนับหมื่นมาพำนักอาศัยอย่างถาวร รวมทั้งเตือนพลเมืองแดนจิงโจ้ให้ทบทวนแผนการเดินทางไปยังเกาะศูนย์กลางทางการเงินของเอเชียแห่งนี้ ด้วยเหตุผลว่าอาจถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่
“นโยายของสหรัฐฯต่อจีนในปัจจุบัน จัดวางอยู่บนข้อวินิจฉัยอันผิดพลาดในทางยุทธศาสตร์ … และโรคจิตหวาดระแวงแบบแมคคาร์ธี” รัฐมนตรีต่างประเทศแดนมังกรกล่าว โดยเป็นการอ้างอิงถึง วุฒิสมาชิกโจเซฟ แมคคาร์ธี ของสหรัฐฯ ที่เป็นผู้นำในการรณรงค์ต่อต้านลัทธิคอมมิวนิสต์ในอเมริกาเมื่อทศวรรษ 1950 ซึ่งในเวลาต่อมาได้ถูกประณามว่าเป็นการก่อกระแสไล่ล่าแม่มดเที่ยวกล่าวโทษผู้คนอย่างไม่เป็นธรรมและสร้างความหวาดระแวงไปทั่ว
ในคำปราศรัยที่บันทึกเอาไว้ล่วงหน้าสำหรับการประชุมของกลุ่มคลังสมองจีน-อเมริกากลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เฮนรี คิสซิงเจอร์ กล่าวปราศรัยด้วยนั้น หวังกล่าวเตือนว่า
การประดิษฐ์สร้างภาพให้เห็นไปว่าจีนเป็นภัยคุกคามต่างๆ นานา ลงท้ายแล้วอาจกลายเป็นการสร้างคำพยากรณ์เพื่อมุ่งทำให้ความเชื่อของตนเองกลายเป็นความจริงขึ้นมา
คำปราศรัยล่วงหน้าที่ถูกนำออกเผยแพร่ทางเว็บไซต์ของกระทรวงการต่างประเทศจีนเมื่อวันพฤหัสบดี (9 ก.ค.) คราวนี้ บังเกิดขึ้นหลังจากเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน หวังเคยระบุว่า ความสัมพันธ์กับอเมริกาอยู่บนขอบเหวของสงครามเย็นรอบใหม่ ซึ่งส่วนหนึ่งถูกกระตุ้นโดยความขัดแย้งเกี่ยวกับวิกฤตโรคระบาดโควิด-19 หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวหาปักกิ่งไม่โปร่งใส และยังพยายามยัดเยียดทฤษฎีว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หลุดจากห้องปฏิบัติการในจีน
นอกจากนั้นระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวันพุธ (8) รัฐมนตรีต่างประเทศไมค์ พอมเพโอ ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของทรัมป์ในการรณรงค์ประณามโจมตีปักกิ่ง ยังคงออกมาพูดว่า โลกไม่ควรปล่อยให้จีนรังแกประเทศอื่น ซึ่งหมายถึงการพิพาทด้านดินแดนระหว่างจีนกับอินเดีย เวียดนาม และญี่ปุ่น รวมทั้งระบุว่า จีนกระทำการก้าวร้าวอย่างเหลือเชื่อระหว่างการปะทะกับอินเดียบริเวณชายแดนเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา ซึ่งทหารแดนภารตะเสียชีวิต 20 นาย และชมอินเดียว่า ตอบโต้อย่างดีที่สุดแล้ว
หวังสำทับว่า อเมริกาควรยุติการนำโรคระบาดมาเป็นประเด็นทางการเมือง และร่วมกับจีนเพื่อส่งเสริมการร่วมมือระดับโลกในการต่อสู้กับไวรัส และว่า จีนยินดีฟื้นการเจรจาทุกระดับเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง
มนตรีแห่งรัฐจีนทิ้งท้ายว่า จีนกับอเมริกาไม่ควรพยายามเปลี่ยนกันและกัน แต่ควรร่วมหาวิธีเพื่อให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ
ไม่ใช่เพียงอเมริกาเท่านั้นที่บาดหมางรุนแรงกับจีนในขณะนี้ ในวันพฤหัสฯ นายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสันของออสเตรเลีย ได้แถลงระงับข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับฮ่องกง รวมทั้งขยายวีซ่าให้แก่ชาวฮ่องกง 10,000 คนที่อยู่ในออสเตรเลียขณะนี้อีก 5 ปี เป็นการเปิดประตูให้สิทธิ์พำนักอย่างถาวรแก่คนเหล่านี้ในเวลาต่อไป
ข้อเสนอดังกล่าวยังครอบคลุมผู้ประกอบการหรือแรงงานมีทักษะของฮ่องกงที่ประสงค์ย้ายไปอยู่ออสเตรเลียในอนาคต
มอร์ริสันระบุว่า การตัดสินใจเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อตอบโต้การที่จีนบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกงซึ่งทำให้สถานการณ์บนเกาะดังกล่าวเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง พร้อมบอกด้วยว่า จีนคงไม่ขัดขวางพลเมืองฮ่องกงที่ต้องการรับข้อเสนอของออสเตรเลีย
ด้านสถานเอกอัครราชทูตจีนในแคนเบอร์ราประณามว่า มาตรการของรัฐบาลออสซี่ละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และกล่าวหาจีนโดยไม่มีหลักฐาน พร้อมเตือนให้ออสเตรเลียเลิกแทรกแซงกิจการภายในของจีน
ขณะเดียวกัน มาริส เพย์น รัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย เผยว่า ได้หารือกับอีก 4 ชาติในพันธมิตรด้านความมั่นคงกลุ่ม “ไฟฟ์อายส์” ได้แก่ นิวซีแลนด์ อเมริกา อังกฤษ และแคนาดา เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของจีนในฮ่องกงเมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสฯ
ก่อนหน้านั้น กระทรวงการต่างประเทศออสเตรเลียยังออกคำเตือนพลเมืองของตนให้ทบทวนแผนการเดินทางไปฮ่องกง โดยระบุว่าพวกเขาอาจถูกควบคุมตัวภายใต้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ที่มีการตีความอย่างคลุมเครือ
ทางด้านนิวซีแลนด์ เพื่อนบ้านของออสเตรเลียและเป็นอีกหนึ่งชาติสมาชิกกลุ่มไฟฟ์อายส์ เผยว่า กำลังพิจารณาทบทวนความสัมพันธ์กับฮ่องกงสืบเนื่องจากกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่เช่นเดียวกัน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศ วินสตัน ปีเตอร์ส ระบุว่า อาจรวมถึงข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดน การควบคุมการส่งออกสินค้าทางยุทธศาสตร์ และคำแนะนำในการเดินทาง