เอเจนซีส์ - ยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในอเมริกาทะลุหลัก 3 ล้านคน ขณะเจ้าหน้าที่ระบุว่าเป็นไปได้อย่างมากที่ที่การไปปราศรัยหาเสียงของโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นสาเหตุให้จำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองทัลซา รัฐโอคลาโฮมา ดีดขึ้นมาใหม่ กระนั้น ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยืนกรานผลักดันให้เปิดโรงเรียนทั่วประเทศในฤดูใบไม้ร่วงนี้ ทางด้านออสเตรเลีย ชาวเมืองเมลเบิร์น 5 ล้านคนกลับเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์อีกหน ทั้งที่เพิ่งผ่อนปรนได้ไม่กี่สัปดาห์ เนื่องจากพบเคสใหม่วันละกว่าร้อยคน
อเมริกายังคงเป็นประเทศที่เผชิญการระบาดของโควิด-19 อย่างรุนแรงที่สุดในโลก ด้วยยอดผู้เสียชีวิตจำนวนกว่า 132,000 คน และผู้ติดเชื้อทะลุหลัก 3 ล้านคนในวันพุธ (8 ก.ค.) ขณะที่บราซิลตามมาห่างๆ ในอันดับ 2 ด้วยยอดผู้เสียชีวิตเกือบ 67,000 คน และติดเชื้อเกือบ 1.7 ล้านคน
แม้จำนวนเคสใหม่ในวันพุธ (8) เพิ่มขึ้นถึง 55,000 คน เป็น 3,046,351 คน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังคงเรียกร้องให้เปิดโรงเรียนในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่จะถึง (ประมาณเดือนกันยายน) พร้อมตำหนิศูนย์กลางเพื่อการควบคุมและการป้องกันโรค (ซีดีซี) ซึ่งเป็นหน่วยงานต่อสู้รับมือโรคติดต่อของสหรัฐฯ ว่า ออกคำแนะนำสำหรับการเปิดเทอมโดยมีการตั้งเงื่อนไขต่างๆ อย่างเข้มงวดเกินไป กระทั่งซีดีซีต้องออกคำแถลงใหม่ระบุว่า คำแนะนำดังกล่าวไม่ใช่ “ข้อกำหนด” และจะเผยแพร่คำแนะนำฉบับปรับปรุงเร็วๆ นี้
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นในหลายพื้นที่ของอเมริกากำลังพยายามควบคุมการระบาดอย่างเต็มที่ หลายเมืองและหลายรัฐจำใจต้องชะลอการปลดล็อกออกไปก่อน ตัวอย่างเช่น เมืองฮิวส์ตันสั่งยกเลิกแผนการประชุมของพรรครีพับลิกันที่จะจัดขึ้นภายในอาคาร หลังจำนวนผู้ติดเชื้อยังเพิ่มขึ้นไม่หยุด
นอกจากนั้น บรูซ ดาร์ต ผู้อำนวยการแผนกสาธารณสุขของเมืองทัลซา กล่าวยอมรับเมื่อถูกพวกผู้สื่อข่าวซักไซ้ว่า มีความเป็นไปได้สูงมากว่ากิจกรรมที่มีคนเข้าร่วมจำนวนมากในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นสาเหตุทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อในเมืองนี้กลับพุ่งขึ้น หลังจากที่ลดลงไปแล้วในช่วงสองสัปดาห์ก่อนหน้า
สัปดาห์นี้ยอดผู้ติดเชื้อรายวันในทัลซาเพิ่มขึ้นทำสถิติ ซึ่งรวมถึง 266 คนในวันพุธ ดาร์ตสำทับว่า ช่วงสองวันก่อนหน้านี้ทัลซาพบผู้ติดเชื้อเกือบ 500 คน
ทั้งนี้ วันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา ทรัมป์เลือกเมืองทัลซาเป็นเวทีจัดปราศรัยหาเสียงครั้งแรกของเขาหลังห่างหายไปตั้งแต่เดือนมีนาคม ซึ่งแม้มีผู้สนับสนุนบางตากว่าที่คาดไว้มาก แต่ก็มีจำนวนหลายพันคน มิหนำซ้ำยังจัดภายในอาคาร และไม่มีการเว้นระยะห่างทางสังคม รวมทั้งล้มเหลวในการบังคับสวมหน้ากาก โดยทั้งก่อนหน้าและภายหลังการหาเสียงมีรายงานว่า สมาชิกทีมหาเสียงของทรัมป์ ตลอดจนถึงเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาผู้นำหลายคนติดเชื้อโควิด-19
ทางด้านออสเตรเลีย ประชาชน 5 ล้านคนในเมลเบิร์น เมืองใหญ่อันดับ 2 ของประเทศ และเมืองหลวงของรัฐวิกตอเรีย เริ่มเข้าสู่การล็อกดาวน์รอบสองตั้งแต่คืนวันพุธ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละกว่า 100 คน เมื่อยกเลิกมาตรการจำกัดไปไม่กี่สัปดาห์ก่อน มีรายงานว่าก่อนถึงเวลาล็อกดาวน์รอบนี้ ผู้คนพากันแห่ซื้อของตุนจนชั้นวางสินค้าในซูเปอร์มาร์เกตหลายแห่งว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ข้ามไปที่ยุโรปซึ่งแม้หลายประเทศประสบความสำเร็จในการสกัดการระบาด แต่รัฐบาลฝรั่งเศสระบุเมื่อวันพุธว่า ยังคงเฝ้าระวังความเป็นไปได้ในการระบาดรอบสอง อย่างไรก็ดี ฌอง คาสเท็กซ์ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ระบุว่า จะไม่มีการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีก เนื่องจากรัฐบาลได้เรียนรู้แล้วว่า ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและชีวิตจากมาตรการล็อกดาวน์เลวร้ายพอกัน แต่จะใช้มาตรการที่มีการกำหนดเป้าหมายเฉพาะเจาะจงแทน
หลายประเทศที่มีประชากรมากที่สุด เช่น อินเดีย ปากีสถาน และบราซิลยังคงต่อสู้กับการระบาดระลอกแรก ขณะที่รัฐบาลหลายประเทศถูกกล่าวหาว่า รับมือวิกฤตโรคระบาดผิดพลาด เช่น ในกรุงเบลเกรดของเซอร์เบียที่เผชิญเหตุการณ์รุนแรงเป็นคืนที่ 2 ในวันพุธ โดยมีการกล่าวหาประธานาธิบดีว่า รีบปลดล็อกเร็วเกินไปทำให้ไวรัสกลับมาระบาดรอบใหม่
ตามตัวเลขของสำนักข่าวเอเอฟพี ณ เวลา 18.00 น.วันพฤหัสบดี (เวลาเมืองไทย) ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่า 12 ล้านคน และเสียชีวิตเกือบๆ 550,000 คน