ไต้หวันป่วน! ส.ส.ฝ่ายค้านประท้วง ‘ยึดสภา’ จวกรัฐบาลไช่ทำตัวเยี่ยงทรราช

รอยเตอร์ - เกิดเหตุชุลมุนขึ้นที่รัฐสภาไต้หวันเช้าวันนี้ (29 มิ.ย.) เมื่อ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลจากพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) พยายามฝ่าเครื่องกีดขวางของกลุ่ม ส.ส.พรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งประท้วงด้วยการบุกยึดสภาเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน โดยกล่าวหารัฐบาลว่าทำตัวเยี่ยง “ทรราช” (tyranny)

ไต้หวันซึ่งปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยเคยเกิดความปั่นป่วนในสภาลักษณะนี้มาแล้วหลายครั้ง

ส.ส.พรรคก๊กมินตั๋ง กว่า 20 คน เข้าไปยึดพื้นที่ในห้องประชุมสภานิติบัญญัติ (Legislative Yuan) ตลอดค่ำคืนที่ผ่านมา โดยนำโซ่และเก้าอี้มาขวางประตูทางเข้า โดยอ้างว่าทำไปเพื่อประท้วงความพยายามผลักดันร่างกฎหมายของรัฐบาล และเรียกร้องให้ประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน ถอนการเสนอชื่อผู้ช่วยคนสนิทเข้าดำรงตำแหน่งในองค์กรตรวจสอบระดับสูง

ต่อมาในช่วงสายวันนี้ (29) ส.ส.พรรค DPP ได้พังเครื่องกีดขวางและบุกเข้าไปในสภาจนได้ ซึ่งทำให้ ส.ส.ก๊กมินตั๋ง ถูกต้อนไปรวมตัวกันอยู่บริเวณโพเดียมหลัก ก่อนจะเกิดการทะเลาะวิวาทและลงไม้ลงมือกัน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์ได้คลี่คลายลงในเวลาไม่นานนัก โดย ส.ส.ก๊กมินตั๋งยังคงยืนประท้วงอยู่ที่ด้านหน้าของโพเดียม ส่วนกลุ่ม ส.ส. DPP ยืนอยู่เบื้องหลัง และผลัดกันป่าวร้องสโลแกนของฝ่ายตน

พรรคก๊กมินตั๋งซึ่งพ่ายแพ้ศึกเลือกตั้งรัฐสภา และศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อเดือน ม.ค. เริ่มการประท้วงในสภาตั้งแต่ค่ำวานนี้ (28) โดยที่ผ่านมา พรรคก๊กมินตั๋งแสดงจุดยืนสนับสนุนความสัมพันธ์อันดีกับจีน ซึ่งยังคงถือว่าไต้หวันเป็นเพียง “มณฑล” หนึ่งของตน

ส.ส.พรรคก๊กมินตั๋งอ้างว่า พวกเขารับไม่ได้ที่พรรค DPP และประธานาธิบดี ไช่ อิงเหวิน พยายามฝืนดันร่างกฎหมายหลายฉบับ มิหนำซ้ำ ไช่ ยังเสนอชื่อ เฉิน ชู (Chen Chu) ผู้ช่วยคนสนิทของเธอเอง ให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาควบคุม (Control Yuan) ซึ่งเป็นองค์กรฝ่ายตรวจสอบสูงสุดของชาติ

“ปีนี้รัฐบาล ไช่ ทำตัวเยี่ยงทรราชยิ่งกว่าเก่าเสียอีก” พรรคก๊กมินตั๋งระบุในถ้อยแถลง “ความดันทุรังของ ไช่ ทำให้พรรคก๊กมินตั๋งไม่มีทางเลือก นอกเสียจากจะยึดสภานิติบัญญัติเพื่อแสดงการบอยคอต”

พรรค DPP และทำเนียบประธานาธิบดีไต้หวันได้ออกมาประณามการกระทำของพรรคก๊กมินตั๋ง พร้อมเย้ยหยันว่าเป็นแค่ “ละครตลก” (farce)

ก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2014 นักศึกษาไต้หวันหลายร้อยคนได้บุกยึดสภานิติบัญญัติเป็นเวลาหลายสัปดาห์ ภายใต้การเคลื่อนไหวที่ถูกขนานนามว่า “ขบวนการดอกทานตะวัน” (Sunflower Movement) เพื่อประท้วงคัดค้านการทำข้อตกลงการค้าและบริการกับจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งสะท้อนความวิตกกังวลของคนรุ่นใหม่ที่เกรงว่าไต้หวันจะถูกจีนใช้อิทธิพลครอบงำทั้งในทางการเมืองและเศรษฐกิจ