เซาต์ไชนามอร์นิงโพสต์ - อันเดอร์ส แทกเนล นักวิทยาศาสตร์ผู้อยู่เบื้องหลังยุทธศาสตร์อันเป็นที่ถกเถียงของสวีเดนในการรับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่(โควิด-19) เปิดเผยว่ามีความตั้งใจพิจารณาทบทวนออกคำแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากาก หลังจากก่อนหน้านี้คัดค้านมาตลอด ด้วยเชื่อว่าการสวมแมสก์ยิ่งเสี่ยงติดเชื้อ
อันเดอร์ส เทกเนลล์ นักระบาดวิทยาผู้อยู่เบื้องหลังแนวทางตอบสนองต่อวิกฤตโควิด-19 ที่ค่อนข้างผ่อนปรนของสวีเดน บอกว่ามีหลายสถานการณ์ที่บางทีอาจแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากปิดบังปากและจมูก
"มีความเป็นไปได้ที่จะออกคำแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากตอนใช้บริการระบบขนสางสาธาธารณะ" เทกเนลล์ กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Dagens Industri สื่อมวลชนท้องถิ่นในวันพฤหัสบดี(25มิ.ย.) "เราจำเป็นต้องคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้น แต่ชัดเจนว่าหน้ากากไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดอยู่ดี" เขากล่าว
ที่ผ่านมา เทกเนลล์ คัดค้านมาตลอดกับคำแนะนำขององค์การอนามัยโลกที่บอกว่าควรสวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 ในตอนที่ยากจะปฏิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม โดย เทกเนลล์ ให้เหตุผลว่า "มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เพียงเล็กน้อย" ที่ยืนยันว่ามันสามารถป้องกันการแพร่ระบาดอย่างได้ผล
นักระบาดวิทยาชาวสวีเดนรายนี้ตกเป็นข่าวพาดหัวโด่งดังระดับโลกมาตลอด นับตั้งแต่ที่เขาออกคำแนะนำคัดค้านการใช้มาตรการล็อกดาวน์ประเทศอย่างเต็มรูปแบบ
เมื่อวันพุธ(24มิ.ย.) เป็นอีกครั้งที่ เทกเนลล์ ตอกย้ำว่ามาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดไม่ใช่แนวทางตอบสนองต่อไวรัสที่เหมาะสม พร้อมเรียกการกำหนดข้อจำกัดอันเข้มข้นต่างๆเหล่านั้นที่ต้องแลกกับค่าเสียหายทางสังคม ว่าเป็นมาตรการ"บ้าๆ"
"มันเหมือนประหนึ่งว่าโลกกำลังบ้าคลั่ง ทุกอย่างที่เราเคยพูดคุยหารือกันถูกลืม" เขากล่าวในรายการถามตอบของสถานีวิทยุสวีเดนแห่งหนึ่ง "เคสเป็นผู้ติดเชื้อเริ่มเยอะเกินไป และแรงกดดันทางการเมืองก็หนักหน่วงเช่นกัน และจากนั้น สวีเดน ก็ยืนหยัดเพียงลำพัง"
เทกเนลล์ ยอมรับว่าเขาประเมินความร้ายแรงของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ผิดไปในช่วงต้นๆ แต่ปฏฺิเสธพิจารณาทบทวนละทิ้งนโยบาย โดยบอกว่ามาตรการจำกัดความเคลื่อนไหวในขอบเขตอย่างสุดโต่งที่พบเห็นทั่วทุกมุมโลกนั้น อาจก่อปัญหาอื่นๆตามมา ในนั้นรวมถึงเพิ่มเหตุความรุนแรงในครอบครัว, ความเหงาและการตกงานของคนจำนวนมาก
วิธีการที่สวีเดนใช้รับมือกับไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่นั้น บรรดาสถานบริการที่มีผู้คนชุมนุมแออัดกัน ใม่ว่าจะเป็น คาเฟ่, บาร์, ภัตตาคารร้านอาหาร รวมทั้งธุรกิจต่างๆ ส่วนใหญ่ต่างยังคงเปิดทำการได้ เช่นเดียวกับโรงเรียนสถานศึกษาสำหรับเด็กที่อายุต่ำกว่า 16 ปี แต่มีการเรียกร้องแข็งขันให้ประชาชนทำตามกฎการเว้นระยะห่างทางสังคมและคำแนะนำด้านสุขอนามัยทั้งหลาย เช่น การล้างมือบ่อยๆ ซึ่งล้วนอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ ไม่มีการใช้กฎหมายบังคับ
ปัจจุบันสวีเดนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 สูงสุดในโลก ด้วยมีอัตราการเสียชีวิตต่อประชากร 100,000 คน มากกว่าสหรัฐฯเสียอีก
ระหว่างให้สัมภาษณ์กับ Dagens Industri ทาง เทกเนลล์ บอกว่าชาวสวีเดนควรปฏิบัติตามคำแนะนำเว้นระยะห่างทางสังคมต่อไป อย่างเช่นทำงานจากที่บ้านถ้าเป็นไปได้ และหลีกเลี่ยงระบบขนส่งสาธารณะ