เอเอฟพี/เอเจนซีส์ - ตำรวจสวีเดนระดมกำลังออกไล่ล่าทั้งทางพื้นดิน ทางทะเล และทางอากาศ รวมทั้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจสากลเมื่อวันพุธ (1 ส.ค.) เพื่อจับกุมชาย 2 คนซึ่งได้โจรกรรมพระมหามงกุฎ 2 องค์ และลูกกลมศักดิ์สิทธิ์ลูกหนึ่ง ที่เป็นเครื่องราชกกุธภัณฑ์สำหรับพระบรมศพของพระเจ้าแผ่นดินและสมเด็จพระราชินีสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 17 ไปจากมหาวิหารแห่งหนึ่งอย่างอุกอาจกลางวันแสกๆ ของวันอังคาร (31 ก.ค.) จากนั้นก็ขึ้นเรือยนต์หลบหนีไปอย่างลอยนวล
สเตฟาน ดันการ์ดต์ โฆษกตำรวจสวีเดนแถลงในวันพุธว่า โจรทั้ง 2 คนซึ่งยังไม่มีการระบุตัวตนว่าเป็นใคร และเครื่องราชกกุธภัณฑ์เหล่านี้ กำลังถูกติดตามในระดับระหว่างประเทศอีกด้วยโดยผ่านทางตำรวจสากล เขาชี้ว่า ทรัพย์สินเหล่านี้เป็นสมบัติของชาติ และน่าจะ “ประสบความยากลำบากมากในการที่จะขาย”
พระมหามงกุฎทองคำทั้ง 2 องค์นี้เป็นของพระเจ้าคาร์ลที่ 9 และสมเด็จพระราชินีคริสตินา ในตอนแรกได้ถูกบรรจุฝังพร้อมกับพระบรมศพของทั้ง 2 พระองค์ แต่ในเวลาต่อมาได้ถูกนำขึ้นมาใหม่ และตั้งแสดงอยู่ภายใต้ตู้กระจกที่มีระบบรักษาความปลอดภัยแน่นหนา ภายในมหาวิทหารสแตรงนาส ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากกรุงสตอกโฮล์มไปทางตะวันตกราว 100 กิโลเมตร
พระเจ้าคาร์ลที่ 9 ทรงปกครองสวีเดนในระหว่างปี 1604-1611
พระมหามงกุฎองค์สำหรับพระบรมศพพระเจ้าคาร์ลนั้นเป็นทองคำประดับด้วยคริสตัลและไข่มุก ขณะที่องค์สำหรับพระบรมศพพระราชินีคริสตินาซึ่งมีขนาดเล็กกว่า ก็สร้างจากทองคำและประดับด้วยหินมีค่าและไข่มุก
นอกจากนั้นคนร้ายยังคว้าเอาลูกกลมศักดิ์สิทธิ์ที่ตรงยอดประดับด้วยไม้กางเขนไป 1 ลูก ลูกกลมเช่นนี้เป็นสัญลักษณ์ทางประเพณีแห่งพระราชอำนาจของพระมหากษัตริย์
“เรายังไม่ได้มีการประเมินมูลค่าของเครื่องราชกกุธภัณฑ์ที่ถูกขโมยไปเหล่านี้ใดๆ ทั้งสิ้น เว้นแต่บอกยืนยันว่ามันเป็นทรัพย์สมบัติของชาติ” ดันการ์ดต์ บอกกับสำนักข่าวเอเอฟพี
รายงานข่าวระบุว่าคนร้ายได้ขโมยเอาพระมหามงกุฎทั้ง 2 องค์พร้อมลูกกลมศักดิ์สิทธิ์อีก 1 ลูกในช่วงใกล้เที่ยงวันอังคาร ขณะที่มีพวกเจ้าหน้าที่ของมหาวิหารปฏิบัติหน้าที่กันอยู่ ทั้ง 2 คนได้วิ่งออกไปข้างนอกโบสถ์ และกระโจนลงเรือยนต์ลำเล็กๆ ลำหนึ่ง ซึ่งผูกเอาไว้ที่ด้านล่างของโบสถ์ แล้วขับหลบหนีไป
ขณะที่ดันการ์ดต์ยืนยันในวันพุธว่า ผู้เห็นเหตุการณ์หลายคนเล่าว่าเห็นคนร้ายหลบหนีไปจากมหาวิหารด้วยเรือยนต์หรือไม่ก็เรือสกูเตอร์ เวลานี้ตำรวจได้พูดคุยกับพยานหลายคนแล้ว แต่ยังสนใจที่รับฟังข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมจากใครก็ตามที่พบเห็นร่องรอยใดๆ
ทางด้าน ทอม โรว์เซลล์ ที่กำลังรับประทานอาหารกลางวันอยู่ด้านนอกของมหาวิหารแห่งนั้น ซึ่งจะเป็นสถานที่แต่งงานของเขาในสุดสัปดาห์นี้ บอกกับหนังสือพิมพ์ “อัฟตอนบลาเดต” ว่า เขาเห็นชาย 2 คนวิ่งออกมาจากโบสถ์ ตรงไปยังเรือยนต์ลำหนึ่งซึ่งรออยู่ที่ทะเลสาบมาลาเรน
“ผมเห็นเรือลำเล็ก สีขาว ติดเครื่องยนต์แบบนอกลำเรือที่ตรงด้านหลังของเรือ ชาย 2 คนนี้รีบกระโจนลงเรือ จากนั้นเรือก็แล่นไปอย่างเร็วจี๋” เขาเล่า
“ผมทราบทันทีว่าพวกมันเป็นหัวขโมย เนื่องจากวิธีประพฤติปฏิบัติของพวกมัน” เขากล่าวต่อ
ดันการ์ดต์บอกว่า การโจรกรรมเกิดขึ้นก่อนเที่ยงเล็กน้อย และตำรวจได้เร่งระดมใช้ทั้งเฮลิคอปเตอร์, พาหนะตรวจการณ์ และสุนัขดมกลิ่น ออกตามมาคนร้าย แต่ยังไม่ประสบผลใดๆ
“แน่นอนว่าสื่อมวลชนจะให้ความสนใจกับเรื่องนี้กันเยอะแยะ จากการที่สิ่งของประเภทนี้ถูกโจรกรรมไป จะมีรูปเผยแพร่ในสื่อต่างๆ มันจึงเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะขายสิ่งของประเทภนี้” มาเรีย เอลลิออร์ ผู้ประสานงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้านการโจรกรรมสิ่งประดิษฐ์ทางวัฒนธรรม บอกกับสำนักข่าวทีที
“ดังนั้นเราจึงได้แต่คาดเดาเกี่ยวกับเรื่องความตั้งใจ” ของพวกคนร้าย เธอกล่าวต่อ
สวีเดนเคยประสบกับคดีโจรกรรมเช่นนี้มาเมื่อไม่กี่ปีก่อน
ในปี 2013 เครื่องราชกกุธภัณฑ์ของพระเจ้าโยฮันที่ 3 ได้ถูกโจรกรรมไปจากมหาวิหารวาสเตอราส แต่อีกหลายๆ วันต่อมาก็ได้พบสิ่งของเหล่านี้ถูกบรรจุอยู่ในถุงใส่ขยะทิ้งเอาไว้บนถนนชนบทสายหนึ่ง ภายหลังได้รับแจ้งเบาะแสจากผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
“เราคงต้องตั้งความหวังว่าในคดีนี้จะเกิดอะไรแบบนั้นขึ้นมาบ้าง” เอลลิออร์ กล่าว
คนร้ายที่ก่อคดีในครั้งนี้หากถูกจับกุมดำเนินคดี อาจจะต้องโทษจำคุกสูงสุด 6 ปีในข้อหากระทำโจรกรรมร้ายแรง